ศก.สหรัฐหัวทิ่ม!! อสังหาอ่วม ยอดขายบ้านร่วง ๕ เดือนติด สินเชื่อทรุด เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด ทำมะกันไร้บ้านพุ่ง

0

สถานการณ์ล่าสุดทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐที่กำลังเป็นที่จับตามองคือ ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นดัชนีชี้วัดสถานะทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ล่าสุดยอดขายบ้านที่มีอยู่ ลดลงเป็นเดือนที่ ๕ ต่อเนื่อง นับว่าต่ำสุดในรอบ ๒ ปี การปิดดีลสัญญาลดลงในเดือนมิถุนายน มากกว่าที่คาดการณ์ พบว่าราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ ๔๑๖,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณกว่า ๑๕ ล้านบาทต่อหน่วยสำหรับบ้านมือสอง

สมาคมอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานเมื่อวันพุธที่ ๒๐ ก.ค.ที่ผ่านมา ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยที่ครั้งหนึ่งเคยร้อนแรงกำลังชะลอตัวลง สะท้อนฐานะเศรษฐกิจของคนระดับกลางที่ไม่มีกำลังซื้อ บวกกับค่าครองชีพพุ่ง เงินเฟ้อกระฉูดส่งผลให้คนไร้บ้านมะกันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกเมืองใหญ่ของสหรัฐ ข้อเท็จจริงเหล่านี้สวนทางคำพูดของรมว.คลังสหรัฐและประธานเฟดที่กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งแม้จะเจอภาวะเศรษฐกิจถดถอย ก็จะฝ่าข้ามไปได้แน่นอน หากเป็นเช่นนั้นจริงทำไมจึงต้องทุ่มทุนกระตุ้นสงครามไปทั่วโลก

แนวโน้มห่อเหี่ยวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สหรัฐเป็นอย่างไรเพจอิสระWorld Maker รายงานไว้ดังนี้:

จับตาอสังหาฯ สหรัฐฯ !! ล่าสุดยอดขายบ้านมือ 2 ร่วงลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันแล้วท่ามกลางดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ผู้ซื้อเริ่มไม่อยากซื้อบ้านในเวลานี้ ! ขณะที่ผู้ขายบางรายเริ่มลดราคาบ้านและยอดขอสินเชื่อบ้านร่วงลงต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตฟองสบู่ดอทคอมแล้ว มาดูกันว่ามีอะไรสำคัญที่เราต้องรู้บ้าง ?

ต้อง Monitor กันอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียวสำหรับตลาดการเงินรวมไปถึงตลาดอสังหาโลก ! โดยล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศยอดขายบ้านมือ ๒ ออกมาต่ำสุดในรอบ ๒ ปีซึ่งร่วงลงเป็นเดือนที่ ๕ ติดต่อกันแล้ว

การปิดสัญญาดีลบ้านร่วงลงอีก -๕.๔% เป็น ๕.๑๒ ล้านหลัง ซึ่งเป็นตัวเลขที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี ๒๐๑๓ และมีแนวโน้มที่จะร่วงลงไปอีกได้ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังเตรียมขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าเงินเฟ้อจะแสดงสัญญาณที่ชะลอตัวลง

การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ถือเป็นส่วนสำคัญที่สำคัญ Mortgage Rate (ดอกเบี้ยบ้าน) พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหมายถึงต้นทุนการซื้อบ้านที่สูงขึ้นไปอีกมากสำหรับผู้เล่นในตลาดอสังหาฯ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Demand ซื้อบ้านจะลดลงท่ามกลางสภาวะเช่นนี้

ตอนนี้ดอกเบี้ยบ้านของสหรัฐฯ กำลังอยู่ใกล้ระดับศสูงสุดนับตั้งแต่ปี ๒๐๐๘ และถือเป็นปัจจัยสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้ผู้ซื้อหลายคนยกเลิกสัญญา ในขณะที่สินค้าคงคลัง หรือบ้านใน Stock ที่พร้อมขาย มีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนสูงขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ขายบางรายเริ่มลดราคาขายบ้านแล้ว !

Bloomberg รายงานว่าความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านเองก็ร่วงลงไม่ต่างกัน ซึ่งส่งผลให้การสร้างบ้านใหม่และการเสนอโครงการใหม่ลดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่รวดเร็วเท่ากับ Demand บ้านที่ลดลง จำนวนบ้านใน Stock ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ ๓ ปีอยู่ที่ ๑.๒๖ ล้านหลัง

ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ขายบางรายจะเริ่มปรับลดราคา แต่โดยเฉลี่ยรวมแล้ว พบว่าราคาขายบ้านในสหรัฐฯ ยังคงพุ่งสูงขึ้น +๑๓.๔% จากปีที่แล้ว ซึ่งทำให้หลายคนเป็นห่วงว่าราคาจะมีการพลิกกลับหรือไม่ ? ในขณะที่ Demand กำลังลดลงและ Stock สินค้ามีแนวโน้มจะสูงขึ้นเช่นนี้

การยื่นขอสินเชื่อบ้านในสหรัฐฯ เพื่อซื้อหรือรีไฟแนนซ์ ได้ร่วงลงต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงยุคฟองสบู่ดอทคอมในปี ๒๐๐๐ ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่กู้เงินไปซื้อบ้านกำลังต่ำสุดในรอบกว่า ๒๐ ปี

ภาระดอกเบี้ยบ้านคิดเป็นราว ๆ ๒๘% ของรายได้ผู้ซื้อบ้านครั้งแรกในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลก (หมายความว่าดอกเบี้ยบ้านตอนนี้แพงมากทีเดียวเมื่อเทียบกับรายได้คนซื้อ)

นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าผู้ซื้อบ้านในสหรัฐฯ เกือบ ๗๐% อาจต้องออกจากตลาดไป หากราคาและดอกเบี้ยบ้านยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ถ้าหากราคาบ้านลดลงไปสู่ระดับที่เหมาะสม ก็ยังมีโอกาสสูงที่บ้านหลายแห่งจะถูกซื้อไปอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่เดือนเท่านั้น

มารอดูไปพร้อม ๆ กันได้เลยว่าสถานการณ์ในตลาดอสังหาฯ ของสหรัฐฯ จะไปต่อทางไหน ? เพราะมันจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ ทั่วโลกด้วย ในขณะที่การทำ QT ของ FED ก็จะเกีย่วข้องกับการเทขายพันธบัตรจำนองบ้าน ที่เรียกว่า Mortgage-Backed Security ออกไปด้วย ทำให้มีแนวโน้มว่าดอกเบี้ยบ้านจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป หรืออาจจะสูงขึ้นไปอีกได้หากตลาดตึงตัวกว่านี้และไม่มีสภาพคล่องเข้ามาเพิ่มเติม

ในด้านผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนต่อสังคมอเมริกาที่ประชาชนยากจนลง โดยเฉพาะชีวิตคนอเมริกันที่ต้องกลายเป็นคนไร้บ้านต่อเนื่อง มาตั้งแต่การเริ่มต้นระบาดโควิด-๑๙ ทุกวันนี้ถูกซ้ำเติมด้วยสภาพเงินเฟ้อ ราคาอาหารค่าเช่าบ้านแพง ที่อยู่อาศัยแพงกระฉูด ส่งผลต่อปัญหาคนไร้บ้าน เกิดวิกฤตอย่างเฉียบพลัน

หน่วยงานที่พักพิงทั่วสหรัฐฯเปิดเผยว่า มีผู้ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น โดยมีรายการรอขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือสามเท่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จำนวนคนไร้บ้านนอกศูนย์พักพิงก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า บางคนอาศัยอยู่ในแคมป์ ซึ่งได้ปรากฏขึ้นในสวนสาธารณะและพื้นที่สาธารณะอื่นๆ ในเมืองใหญ่ๆ ตั้งแต่วอชิงตัน ดี.ซี. ถึงซีแอตเทิล

และอัตราเงินเฟ้อก็ทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น  ส่งผลให้ค่าเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี ๑๙๘๖ ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงบ้านและอพาร์ตเมนต์ได้ และต้องกลายเป็นคนไร้บ้านไป National Low Income Housing Coalition รายงานล่าสุดว่าผู้เช่าที่มีรายได้ต่ำมากจำนวน ๗ ล้านคนไม่สามารถหาบ้านราคาถูกได้