“ความเหมือนที่แตกต่าง-ความแตกต่างที่ดูเหมือน” ที่คุณช่อต้องฟัง
รศ.ดร.แสงเทียน อยู่เถา นักวิชาการสถาบันทิศทางไทย
(๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒)
จากกรณีที่ คุณช่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เปิดแถลงข่าว โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีประเด็นถกเถียงในสังคมเรื่องการเป็นเจ้าของสื่อของนักการเมือง แล้วกล่าวถึงสื่อเครือเนชั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ได้กระทำการอันเป็นคุณแก่นักการเมืองและพรรคการเมืองบางพรรค และเป็นโทษแก่นักการเมืองและพรรคการเมืองบางพรรคอย่างเป็นระบบ และอย่างต่อเนื่อง ฟาดงวงฟาดงาไปถึง คุณวทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลาออกจากผู้บริหารของสื่อเครือเนชั่น และให้ผู้ที่เป็นสามีดำรงตำแหน่งผู้บริหารแทน รวมถึงสถาบันทิศทางไทยที่กล่าวหาว่าเป็นสถาบันวิชาการที่มีไว้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือทางวิชาการให้กับเครือเนชั่นเพื่อให้สอดประสานและแลกเปลี่ยนข่าวสารกันในการดำเนินการเพื่อให้ร้ายแก่พรรคอนาคตใหม่
วันนี้ออกไปตลาดเห็นน้องคนหนึ่งถูกตำรวจจราจรเรียกจับเนื่องจากขับรถไม่สวมหมวกกันน็อค แล้วน้องคนนั้นก็ไม่ยอมรับผิดแต่บอกว่ามีคนไม่สวมหมวกกันน็อคเหมือนเขาอีก เขาไม่ยอมรับใบสั่งแต่ยืนคู่กับตำรวจจราจรชี้รถคันอื่นๆ ให้ตำรวจจับ โดยไม่มีสำนึกแม้แต่น้อยว่าตนเองทำผิดกฎหมาย แต่กลับพูดตลอดเวลาว่าโดนแกล้งที่มาจับเขา ยิ่งดูก็ทำให้นึกถึงกรณีที่โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เปิดแถลงข่าว เป็นอย่างมาก เพราะ อาจเป็น “ความเหมือนที่แตกต่าง-ความแตกต่างที่ดูเหมือน” กันหรือไม่?
พอนึกถึงช่วงการต่อสู้ของสื่อช่องในกลุ่มของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ในช่วงของการเกิด “ปรากฎการสนธิ” ที่พยายามเปิดโปงเรื่องของคุณทักษิณ ชินวัตร จนทำให้เกิดกระแส “รู้ทันทักษิณ” แล้วย้อนกลับมามองเครือเนชั่นที่ทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา และถูกด่าว่าเป็น “สื่อสลิ่ม” ในช่วงที่กระแสความนิยมของคนรุ่นใหม่ในโลกออนไลน์ มีหลายส่วนที่นิยมชมชอบพรรคเกิดใหม่ที่น่าสนใจและมีคนหลากหลายกลุ่มในสังคมอย่างพรรคอนาคตใหม่ ที่ใครก็ตามในโลกออนไลน์ไปแตะในทางที่ไม่เป็นคุณกับพรรคก็จะโดนถล่มแทบหาที่อยู่บนโลกออนไลน์ในโซเชียลมีเดียไม่ได้ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายก็มีให้เห็นเป็นจำนวนมาก จึงเป็น “ความเหมือนที่แตกต่าง-ความแตกต่างที่ดูเหมือน” หรือไม่ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของสถานการณ์ ที่ดูเหมือนเครือเนชั่น ทำให้เกิดกระแส “รู้ทันอนาคตใหม่” เป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามเป็นอย่างมาก
และสุดท้ายขอย้ำให้ คุณช่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้ทราบว่า “สถาบันทิศทางไทย เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร มุ่งสร้างอาวุธทางปัญญาและสัมมาทิฏฐิให้คนในชาติ” ในฐานะที่เป็นนักวิชาการพวกเรามีอุดมการณ์มากพอที่จะไม่ทำอะไรชั่วช้า ในการทำลาย ทำร้ายใคร เพราะพวกเราไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆ พวกเราไม่เคยอิจฉานักการเมือง พวกเราทำได้ก็เพียงให้ความรู้ ความเข้าใจ สร้างให้คนไทยพัฒนาไปโดยไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง นำพาชาติไปในทิศทางที่ถูกต้อง ด้วยความรักชาติ ยึดมั่นในศาสนา และภาคภูมิใจในสถาบันพระมหากษัตริย์ เท่านั้น