“วอชิงตันจำเป็นต้องหยุด “ขโมย” น้ำมันซีเรียและยกเลิกการคว่ำบาตรดามัสกัส” นี่เป็นคำประกาศล่าสุดของปธน.ปูตินแห่งรัสเซีย ในนาม ๓ พันธมิตรรัสเซีย-ตุรเคียและอิหร่าน หลัง การประชุมสุดยอดในกรุงเตหะรานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เท่ากับเป็นการเตือนแรงและชกหมัดตรงต่อสหรัฐอย่างไม่อ้อมค้อมครั้งแรก เนื่องจากสงครามในซีเรียไม่จบสักทีเพราะสหรัฐยังคงสนับสนุนฝ่ายต้านรัฐบาลซีเรีย อีกทั้งยังสูบน้ำมันจากซีเรียไม่หมดด้วยการขโมยอย่างโจ๋งครึ่ม ทั้งนี้พันธมิตรทั้งสามจะช่วยซีเรียเคลียร์ปัญหานี้อย่างเต็มที่ และย้ำว่าจะทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ต้องจับตาว่าสหรัฐจะมีท่าทีอย่างไรต่อจากนี้
วันที่ ๒๐ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า ปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ได้พบกับปธน.อิบราฮีม ไรซี (Ebrahim Raisi) แห่งอิหร่าน และเรเซ็บ ตอยยิป แอร์โดอัน(Recep Tayyip Erdogan) แห่งตุรกี หลังการประชุมซัมมิตแห่งอัสตานา ได้ออกแถลงการณ์ร่วม โดยประธานาธิบดีทั้งสามคนยืนยันความเชื่อมั่นของพวกเขาว่า “อาจไม่จำเป็นที่จะแก้ไขความขัดแย้งในซีเรียด้วยการทหาร ขอแต่เพียงนโยบายทางการเมืองที่ถูกต้องภายใต้การนำของสหประชาชาติสามารถนำสันติภาพกลับคืนสูประชาชนซีเรียได้
พวกเขายังประณาม“การคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมวิกฤตร้ายแรงในซีเรียทวีความรุนแรงขึ้น ขอเรียกร้องให้สหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆเพิ่มความช่วยเหลือแก่ชาวซีเรียทุกคน โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ การเมือง และเงื่อนไขทางทหาร”
ปธน.ปูตินย้ำว่า สหรัฐฯต้องหยุด“ขโมย”น้ำมันจากประชาชนและรัฐซีเรีย ๓ ประเทศพันธมิตรผู้ค้ำประกันของ”กระบวนการอัสตานา”ยังเห็นพ้องกันว่าสหรัฐฯ ควรออกจากภูมิภาคทรานส์-ยูเฟรตีส์ และหยุดทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในซีเรียเลวร้ายลงด้วยการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว
‘Future of Syria must be defined by Syrians themselves’ – Putin
At the summit with Turkish and Iranian counterparts, Putin highlighted that the three nations are set to take measures to promote a dialogue within Syria and that efforts to resolve Syrian crisis are effective. pic.twitter.com/BsXlBdcAio
— RT (@RT_com) July 19, 2022
กองทหารอเมริกันต้องออกจากอาณาเขตทางตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรตีส์ และ“หยุดปล้นรัฐซีเรียและประชาชนชาวซีเรีย ส่งออกน้ำมันอย่างผิดกฎหมาย”ปูตินกล่าวย้ำว่า”การคว่ำบาตรฝ่ายเดียวไม่เลิกส่งผลร้ายต่อประชาชนซีเรียอย่างหนัก และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ซีเรียไม่ควรเป็นเรื่องการเมือง”
ปธน.ปูตินกล่าวย้ำว่านี่เป็น“จุดยืนทั่วไป”ของรัสเซีย อิหร่าน และตุรกี
กองกำลังสหรัฐหลายร้อยนายลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในซีเรีย ส่วนใหญ่ควบคุมบ่อน้ำมันและทุ่งข้าวสาลีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งควบคุมโดยกองกำลังติดอาวุธของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) นับตั้งแต่ความพ่ายแพ้ของผู้ก่อการร้ายกลุ่มรัฐอิสลาม ที่รู้จักกันในนามกลุ่มไอเอส(IS) หรือเดิมคือไอซิส (ISIS) SDF ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะกลับไปรวมมือกับรัฐบาลในดามัสกัส ซึ่งวอชิงตันปรารถนาให้ถูกโค่นล้มเพราะไม่ยอมรับใช้วอชิงตัน
นับตั้งแต่ปี ๒๐๑๙ สหรัฐฯ ได้พยายามลงโทษผู้ที่พยายามช่วยฟื้นฟูซีเรียที่ถูกทำลายจากสงครามผ่าน“กฎหมายคุ้มครองพลเรือนซีเรีย” แต่สหรัฐฯกล่าวหารัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาดว่าเป็นเผด็จการ ก่ออาชญากรรมสงครามและปิดกั้นความช่วยเหลือทั้งหมดต่อดามัสกัสตลอดมา
รัสเซียส่งกองกำลังทหารไปยังซีเรียในเดือนกันยายน ๒๐๑๕ ตามคำร้องขอของดามัสกัส เพื่อช่วยปราบไอเอสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ในเดือนมกราคม ๒๐๑๗ มอสโก อังการา และเตหะรานได้ริเริ่มเปิดตัว”กระบวนการอัสตานา”ซึ่งตั้งชื่อตามเมืองหลวงของคาซัคสถาน สถานที่ลงนามปฏิญญาความร่วมมือ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในซีเรีย ที่สงครามเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๐๑๑/๒๕๕๔ มาจนถึงปัจจุบัน
ด้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาดแห่งซีเรียกล่าวว่า ดามัสกัสสนับสนุนปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครนเป็นความมุ่งมั่นต่อ “ดุลยภาพระหว่างประเทศ” ทั้งนี้ซีเรียผ่านการคว่ำบาตรและการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ หลายสิบปี และแฉว่าวอชิงตันว่าใช้เงินดอลลาร์เพื่อก่อ “การปล้น” ในระดับโลก