ซาอุฯทำสำเร็จ! พลิกกลยุทธ์ ลดใช้น้ำมันดิบ เพิ่มผลิตก๊าซธรรมชาติ ปรับโรงไฟฟ้าสู่พลังงานก๊าซ

0

จากที่วันนี้ 19 กรกฎาคม 2565 เพจ Thailand Vision ได้โพสต์ข้อความโดยระบุแหล่งที่มาไว้อย่าง่าสนใจยิ่ง ซึ่งรายงานถึงการคว่ำบาตร และการซื้อน้ำมันราคาถูกของซาอุฯจากรัสเซีย โดยมีนัยยะสำคัญที่น่าติดตาม

ทั้งนี้เนื้อหาที่ เพจ Thailand Vision ได้โพสต์ไว้ระบุว่า สื่อต่างประเทศรายงานว่า ซาอุดีอาระเบียนำเข้าน้ำมันเตารัสเซียเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วงไตรมาส 2 เพื่อให้สามารถส่งออกน้ำมันดิบของตนเองได้มากขึ้น และใช้น้ำมันดิบที่ซื้อมาในราคาลดกระหน่ำสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าภายในประเทศ ตามข้อมูลของรอยเตอร์ สอดคล้องกับรายงานของบลูมเบิร์ก ซึ่งระบุว่า มอสโกส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันไปยังตะวันออกกลางแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว

จากข้อมูลของรอยเตอร์ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียนำเข้าน้ำมันเตาของรัสเซีย ราว 647,000 ตัน ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 320,000 ตัน ของหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ซึ่งซาอุดีอาระเบียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ใช้น้ำมันดิบสำหรับก่อกำเนิดไฟฟ้า แต่ขณะเดียวกันพวกเขาใช้มาตรการต่าง ๆ ลดปริมาณการใช้ ด้วยการเพิ่มกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติ และปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้าสู่พลังงานก๊าซ เพื่อที่จะเหลือน้ำมันดิบมากขึ้นสำหรับการส่งออก

การปรับลดราคาน้ำมัน และเชื้อเพลิงส่งออกของรัสเซีย สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร ส่งผลให้น้ำมันเตาของรัสเซียกลายเป็นวัตถุดิบอันเป็นที่ต้องการอย่างมากของโรงไฟฟ้าทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนเช่นนี้ ซึ่งเป็นช่วงพีกสุดของอุปสงค์ไฟฟ้า

ความเคลื่อนไหวที่พึ่งพิงเชื้อเพลิงรัสเซียมากยิ่งขึ้น ดูเหมือนจะทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เผชิญความท้าทายมากกว่าเดิม ในความพยายามโน้มน้าวใจให้ซาอุดีอาระเบีย เข้าร่วมในแผนควบคุมเพดานราคาน้ำมัน และเชื้อเพลิงของรัสเซีย

ยิ่งไปกว่านั้น ซาอุฯ ไม่ใช่ประเทศเดียวที่เพิ่มการนำเข้าเชื้อเพลิงจากรัสเซีย โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าดีเซล และเชื้อเพลิงอื่น ๆ ของรัสเซียที่ถูกหมางเมินจากบรรดาผู้ซื้อตะวันตก สืบเนื่องจากความกังวลอาจละเมิดมาตรการคว่ำบาตร เวลานี้กำลังเบี่ยงเส้นทางไปยังตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ อ้างอิงข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ทางพลังงาน Vortexa ระบุว่า รัสเซียส่งมอบผลิตภัณฑ์น้ำมันไปยังตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีในเดือนมิถุนายน แม้อีกด้านหนึ่งการส่งมอบไปยังยุโรปลดลงราว ๆ 30%

รายงานของบลูมเบิร์ก  ระบุด้วยว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ ในตะวันออกกลางนำเข้าเชื้อเพลิงรัสเซียราว ๆ 155,000 บาร์เรลในเดือนมิถุนายน สูงสุด อย่างน้อย ๆ ก็ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2016 ข้อมูลยังพบด้วยว่ายอดการนำเข้าเติบโตรวดเร็วมากในเดือนภุมภาพันธ์ ครั้งที่มอสโกเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ซึ่งกระตุ้นให้รัฐสมาชิกอียู และบรรดาประเทศตะวันตกอื่น ๆ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย ในนั้นรวมถึงการส่งออกเชื้อเพลิง

พวกนักวิเคราะห์คาดหมายด้วยว่าการส่งออกน้ำมันรัสเซียไปยังตะวันออกกลางในเดือนกรกฎาคม จะมากกว่าเดือนมิถุนายน และประมาณการว่าน่าจะเกิน 220,000 บาร์เรลต่อวัน

อย่างไรก็ตาม บลูมเบิร์กระบุว่าการส่งออกเหล่านี้คิดเป็นเพียงแค่เศษส่วนเล็ก ๆ ของปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันทั้งหมดของรัสเซีย และไม่สามารถชดเชยตัวเลขการส่งออกไปยังยุโรปที่ลดลงอย่างมาก โดยลดลงมากกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายน

ขณะที่ ผู้นำสหภาพยุโรปเห็นพ้องกันในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม สำหรับการปรับลดนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากกว่า 2 ใน 3 ในทันที และจะขยับขึ้นแตะระดับ 90% ในช่วงปลายปี ผ่าทางตันสำหรับมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของกลุ่ม ที่กำหนดเล่นงานรัสเซียตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน ความเคลื่อนไหวที่เดิมตามรอยสหรัฐฯ ที่ประกาศระงับการนำเข้าน้ำมัน และก๊าซจากรัสเซียไปก่อนหน้านั้น

มอสโกมองว่ามาตรการคว่ำบาตรของอียู และสหรัฐฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อกระจายการส่งออก ในนั้นรวมถึงเบี่ยงเส้นทางการส่งออกไปยังจีน และอินเดีย”