โซเชียลเปิดคลิป เทียบ ปูติน-ไบเดน เยือนซาอุฯ ได้รับการต้อนรับ ต่างกันราวฟ้ากับเหว

0

หลังจากที่ในโลกออนไลน์ได้มีการตั้งข้อสงสัย จากกรณีที่สถานีโทรทัศน์ของซาอุดีอาระเบีย เผยแพร่ภาพประธานาธิบดีสหรัฐชนกำปั้นกับเจ้าชาย ขณะเดินทางเยือนเมืองเจดดาห์ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์สหรัฐ – ซาอุดีอาระเบียแต่ปธน. ไบเดน และเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน ยังคงดูมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างห่างเหิน โดยจะสังเกตได้ว่าทั้งสองไม่ตบหลัง หรือยิ้มให้แก่กันเหมือนที่เคยเห็นบรรดาผู้นำคนอื่น ๆ ทักทายกัน

ไบเดน'ชนกำปั้น'เจ้าชายซาอุฯ'ก่อนหารือฟื้นสัมพันธ์

รวมทั้งยังมีการเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางไปเยือนซาอุฯ แต่กลับได้รับการต้อนรับที่ดี และมีความอบอุ่น

ซาอุดีอาระเบีย : ประยุทธ์ ชู “โอกาสอันมากมายมหาศาล”  หลัง"เสียใจยิ่งต่อโศกนาฏกรรม" ในอดีต - BBC News ไทย

ล่าสุดในโลกออนไลน์ได้แชร์คลิป การทักทายของเจ้าชายซาอุฯระหว่าง ไบเดน และ ปูติน ที่ทำให้ตั้งข้อสังเกตว่า ท่าทีกับไบเดนนั้น ห่างเหิน แต่กับปูติน เจ้าชายมีรอยยิ้ม ต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นกัน โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ต่างกันราวฟ้ากับเหว

อย่างไรก็ตามครั้งนี้ ตัวของไบเดนเองก็ออกมายอมรับด้วย ว่าเดินทางไปเยือนซาอุฯ มีแต่อุปสรรค และไม่ได้ราบรื่นแบบที่ตนเองคิดไว้ อีกทั้งยังถูกเจ้าชายตอกกลับ อันเนื่องมาจากกรณีการลอบสังหารนักข่าวจามาล คาช็อกกี ซึ่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวหาว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด มกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ เป็นผู้ออกคำสั่ง แต่พระองค์ปฏิเสธ

ไบเดน เปิดเผยว่า เขาได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ระบุว่าพระองค์ต้องรับผิดชอบต่อการฆาตกรรมนายคาช็อกกี ซึ่งเกิดขึ้นภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบีย ในนครอิสตันบูลของตุรกี เมื่อปี 2561 และขอให้มีมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก

ทำให้ทางเจ้าชายโมฮัมเหม็ดตรัสว่า กรณีของนายคาช็อกกีนั้นเป็นความผิดพลาดอันเลวร้าย “ประธานาธิบดีไบเดนยกประเด็นนี้ขึ้นมา มกุฎราชกุมารจึงตอบกลับไปว่า นี่เป็นกรณีที่น่าเจ็บปวดสำหรับซาอุดีอาระเบีย และเป็นความผิดพลาดที่เลวร้าย”

แต่พระองค์ก็ทรงย้ำด้วยว่า การพยายามใช้กำลังยัดเยียดค่านิยมของตัวเองแก่ประเทศอื่น อาจทำให้เกิดผลตรงกันข้ามกับที่ตั้งใจเอาไว้ “เจ้าฟ้าชายบอกกับประธานาธิบดีว่า ความผิดพลาดเช่นนี้ก็เกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ และเราได้เห็นความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นด้วยฝีมือของสหรัฐฯ ที่เรือนจำ อาบู กราอิบ (ในอิรัก) ด้วยเช่นกัน”