เบื้องลึกไบเดนเยือนซาอุฯคุ้ยคดีสังหารสายลับสหรัฐ โดนเจ้าชายฯตอกกลับ อย่ามาขู่ไม่งั้นเจอสวนหนัก

0

จากการเดินทางเยือนของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำของสหรัฐอเมริกา และคณะในเมืองเจดดาห์ โดยผู้ว่าการเมืองเมกกะห์และเอกอัคราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังพระราชวังอัลซาลามนั้น

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดน ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอาซีซ อัล ซาอูด ซึ่งสื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องดังกล่าว แต่ทางการซาอุดีอาระเบียได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ผู้นำทั้งสองจับมือกันขณะที่องค์มกุฎราชกุมารทอดพระเนตร ก่อนที่ไบเดนจะร่วมประชุมพร้อมทีมที่ปรึกษา

จากนั้น ไบเดน ได้เข้าพบกับ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่พระราชวังอัลซาลามในเมืองเจดดาห์ โดยทั้งคู่ได้ทักทายกันด้วยการชนกำปั้น

โดยภายหลังการหารือ ไบเดน เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวว่าได้พูดคุยกับฝ่ายซาอุดีอาระเบียใน 5 ประเด็น ที่รวมถึงด้านพลังงาน ซึ่งกำลังเป็นสาเหตุที่ทำให้นานาประเทศเผชิญวิกฤตเงินเฟ้ออยู่ในขณะนี้ ว่า การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่นในประเด็นที่เกี่ยวกับความมั่นคงให้กับพลังงานโลกและการสร้างหลักประกันด้านปริมาณน้ำมันเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่เพจ World Update ได้โพสตืข้อความเผยแพร่ถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุแหล่งที่มาไว้บางช่วงสำคัญที่น่าสนใจว่า “ในปี 2019 โจ ไบเดน เคยประกาศหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า “ถ้าได้เป็นประธานาธิบดี จะลงโทษมกุฎราชกุมารซาอุฯ จากการตายของนายคาช็อกกี” (นักข่าวซาอุฯ ที่เป็นสายลับสหรัฐ และผู้ร่วมก่อการรัฐประหารหนีไปตุรเคีย และเสียชีวิต)

สหรัฐฯ จะไม่ขายอาวุธให้ซาอุฯ จะทำให้ซาอุฯ กลายเป็นประเทศนอกคอกของโลก จะหยุดให้การช่วยเหลือทุกอย่าง จะไม่ขายของที่จำเป็นแก่ซาอุฯ” จนทำให้สายสัมพันธ์ ซาอุฯ – สหรัฐ ขาดผึงทันที ข้อตกลงเปโตรดอลดาห์มาตั้งแต่ปี 1973 เป็นอันสิ้นสุดลง

ซาอุฯ ได้หันมาขายน้ำมันเป็นเงินหยวนให้กับจีนถึง 25% มูลค่าการส่งออก สัดส่วนเปโตรดอลลาห์ตลาดโลกหล่นฮวบ ฉุดค่าเงินยูโร ปอนด์ อ่อนค่าและดิ่งลงไปเมื่อเทียบกับรูเบิล หยวน สัดส่วนเงินหยวน-รูเบิลตลาดเงินตราเพิ่มขึ้นกว่า 1,000%  ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน เยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย และพบกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่พระราชวังอัลซัลมานในเมืองเจดดาห์

ต่อมา ประธานาธิบดีไบเดน แถลงข่าวหลังจากหารือกับมกุฎราชกุมารฯ โดยระบุว่า “ได้ยกประเด็นเรื่องการสังหารนายคาช็อกกีมาเป็นวาระสำคัญในการหารือ และได้ย้ำจุดยืนไปว่า การสังหารนายคาช็อกกีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเขาและสหรัฐฯ ผมพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ การจะเงียบเฉยต่อประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้น ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่ผมเป็น ผมยืนหยัดเพื่อคุณค่าของสิ่งที่เรายึดถือนี้มาโดยตลอด”

ด้านมกุฎราชกุมารบิน ซัลมาน ปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว อีกทั้งผู้ต้องหา 9 รายถูกส่งตัวจากตุรเคีย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในซาอุฯแล้ว

ล่าสุดทรงเผยแพร่ข้อความทางโซเชียลมีเดียส่วนพระองค์ว่า “ขอตั้งมั่นในการให้ความเข้าใจต่อคุณค่าที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ ซึ่งนั่นจะเป็นการให้เกียรติให้ความเคารพที่เสมอกัน หากมีความพยายามใดที่จะเป็นการบังคับขู่เข็ญเข้าควบคุมคุณค่านั้นเกิดขึ้น ผู้นั้นก็จะต้องยอมรับผลที่ตามมาอย่างหนักที่สุด

น้ำมัน VS นโยบายความปลอดภัย เป็นเรื่องเก่า และตกยุค ล้าสมัยไปแล้ว” โดยก่อนที่ไบเดน จะเดินทางถึงซาอุฯ ไม่กี่ชั่วโมง มีรายงานว่าซาอุดิอาระเบีย สมัครเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ไปแล้ว เปโตรดอลลาร์ไม่มีอนาคตอีกแล้ว ระเบียบโลกเก่าพังแล้ว ระเบียบโลกใหม่เริ่มนับแต่นี้ไปต้นไป”