หลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2565 อัลจาซีราห์ได้มีรายงานว่า อ้างว่ายูเครนได้ทำลายคลังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียหลายแห่งในช่วงสัปดาห์ที่ 20 ของสงคราม แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบยิงจรวดหลายลำกล้องแบบ HIMARS ที่สหรัฐฯจัดหามาให้ยูเครน รวมถึงระบบอาวุธอื่น ๆ ของชาติตะวันตก ซึ่งทำให้ผู้สังเกตการณ์ทางทหารของรัสเซียเกิดความกังวล
การโจมตีของยูเครนเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการสำหรับการตอบโต้ในช่วงฤดูร้อน ในเขตเคอร์ซอนและซาโปริเซีย ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งมีพรมแดนติดกับแหลมไครเมีย
ยูเครนเผยว่าได้ทำลายฐานบัญชาการหลักของรัสเซียในเขตเคอร์ซอนพร้อมกับคลังอาวุธ ส่งผลให้ทหารรัสเซียเสียชีวิต 12 นาย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วย โดยกองกำลังติดอาวุธของยูเครนได้โพสต์ภาพจากโดรน เป็นภาพคลังอาวุธถูกไฟไหม้เสียหาย
2 วันต่อมา ยูเครนระบุว่าได้โจมตีคลังกระสุนอีกแห่งหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งอยู่ในเมืองโนวา คาคอฟกา ซึ่งอยู่ในเขตเคอร์ซันเช่นกัน โดยครั้งนี้ทำให้ทหารเสียชีวิต 52 นาย
ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ได้รายงานว่าพล.อ.เซอร์เก ชอยกู รมว.กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย มีคำสั่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ให้กองกำลังจากทุกเหล่าทัพซึ่งกำลังปฏิบัติการอยู่ในยูเครน ยกระดับการโจมตี “ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่” โดยเฉพาะในภาคตะวันออกของยูเครน และตามแนวพรมแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพื่อป้องปรามการโจมตีโต้กลับจากอีกฝ่าย การเผยแพร่คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้น หลังรัฐบาลเคียฟรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตรวมกันไม่ต่ำกว่า 40 ราย จากการโจมตีของกองทัพรัสเซียภายในระยะเวลา 3 วันล่าสุด และตั้งข้อสังเกตว่า มีการโจมตีเน้นมาที่เมืองในภาคกลางของยูเครนมากขึ้น ด้านรัฐบาลมอสโกยืนกรานว่า ไม่เคยมีเป้าหมายโจมตีเขตที่อยู่อาศัยของพลเรือน
อย่างไรก็ตาม การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในประเด็นการปิดกั้นเส้นทางส่งออกธัญพืชจากทะเลดำและทะเลอาซอฟ ทางตอนใต้ของยูเครน มีความคืบหน้ามากขึ้น หลังมีการพบหารือกันโดยมีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นคนกลาง ที่เมืองอิสตันบูลของตุรกี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการนัดหารือกันครั้งใหม่ในสัปดาห์นี้