ผู้นำจีน เดินทางเยี่ยมซินเจียงครั้งแรกในรอบ ๘ ปี เป็นปฏิบัติการสวนทางแผนใส่ร้ายของสหรัฐว่าจีนกดขี่ข่มเหงชาวมุสลิมอุยกูร์ โดยเปิดบ้านให้ตัวแทนสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติมาเยือนก่อนหน้านี้พบความเป็นอยู่ และสภาพบ้านเมืองที่เจริญก้าวหน้า ลดกระแสการใส่ร้ายป้ายสีได้ระดับหนึ่ง ล่าสุดเข้าพบประชาชนยืนยันบทบาทของซินเจียงเป็นหมุดหมายสำคัญ ศูนย์กลางยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของโลก พร้อมสั่งการให้หน่วยงานพื้นที่ตั้งโตะรับฟังคำร้องเรียนประชาชน ส่งสัญญาณนับแต่นี้เรื่องของซินเจียงจะไม่หลุดรอดจากความสนใจของประธานาธิบดี แม้เรื่องเล็กน้อยในพื้นที่ การเดินทางครั้งนี้ได้ใจประชาชนในพื้นที่ ออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่ทำสหรัฐหน้าหงาย เพราะโลกเริ่มรับรู้แล้วว่า สหรัฐคือผู้สนับสนุนกลุ่มมุสลิมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจีนมาโดยตลอด เหมือนดังที่เคยหนุนหลังปฏิวัติสีโค่นรัฐบาลที่ไม่สยบยอมคำสั่งวอชิงตัน
วันที่ ๑๖ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์รายงานว่า ปธน.สี จิ้นผิงเดินทางเยือนพื้นที่เขตปกครองตนเองซินเจียง ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ ก.ค.๒๕๖๕ เป็นครั้งแรกในรอบ ๘ ปี พร้อมให้นโยบายแก่ จนท.ให้เปิดรับฟังข้อเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นให้กับชาวซินเจียง ให้หน่วยงานในพื้นที่ต้องปรับปรุงแนวปฏิบัติของมุสลิมในซินเจียงให้สอดคล้องกับบริบทด้านความมั่นคงของจีน และชาวซินเจียงควรมีผู้นำทางศาสนาที่มีความน่าเชื่อถือทางการเมือง นอกจากนี้ ยังย้ำว่ารัฐบาลบังคับใช้มาตรการด้านความมั่นคงในพื้นที่เขตปกครองตนเองซินเจียงเพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคมโดยรวม
นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเยือนซินเจียงของสีเป็นสัญญาณว่าหลังจากบรรลุการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานจากความไม่สงบสู่เสถียรภาพแล้ว ภูมิภาคซินเจียงกำลังเข้าสู่เฟสใหม่ของการสร้างเป็นสะพานเชื่อมแห่งการเปิดประเทศทางตะวันตกของจีน แม้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะขาดอากาศหายใจในภูมิภาคนี้ก็ตาม
ระหว่างพักอยู่ในเขตซินเจียงตั้งแต่วันอังคารถึงวันศุกร์ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ไปเยือนสถานที่หลายแห่งในอุรุมชี รวมถึงมหาวิทยาลัยซินเจียง พื้นที่ท่าเรือนานาชาติอุรุมชี ชุมชนกู่หยวนเซียงในเขตเทียนซาน และพิพิธภัณฑ์เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ นอกจากนี้ เขายังไปที่เมืองชีเฮซี(Shihezi) และเตอร์ปัน (Turpan)และตรวจเยี่ยมหมู่บ้านและเข้าดูงานของบริษัทซินเจียง โปรดักชั่นแอนด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Xinjiang Production and Construction Corps :XPCC) และได้เยี่ยมชาวบ้านในท้องถิ่น
ในบ่ายวันศุกร์ ประชาชนจากทุกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างชื่นชมและส่งปธน.สี ด้วยเสียงปรบมือเป็นเวลานานก่อนจะเดินทางกลับปักกิ่ง
ในระหว่างการเยือน ประธานาธิบดีสียังได้เรียกร้องให้พัฒนาซินเจียงให้กลายเป็นภูมิภาคที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สามัคคี เจริญรุ่งเรือง และก้าวหน้าทางวัฒนธรรม ด้วยระบบนิเวศที่ดี และผู้คนที่อาศัยและทำงานอย่างมีความสุข
หวัง หยูถิง(Wang Yuting) รองศาสตราจารย์ของ Institute of Chinese Borderland Studies ที่ Chinese Academy of Social Sciences กล่าวว่า “การเยือนเขตซินเจียงของสีเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนและสำคัญว่าในขณะที่รักษาเสถียรภาพในระยะยาวและบรรลุการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ภูมิภาคซินเจียงกำลังก้าวเข้าสู่ระยะใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจ และได้รับการสร้างขึ้นเป็นศูนย์กลางหลักสำหรับแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมสำหรับการเปิดประเทศตะวันตก”
หวังกล่าวว่า “หลังจากกำจัดอิทธิพลของการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ซินเจียงและภูมิภาคตะวันตกทั้งหมดของจีนได้ตระหนักถึงเสถียรภาพ วางรากฐานสำหรับจีนเพื่อส่งเสริมภูมิภาคตะวันตกของตนต่อไป และกระชับความร่วมมือกับประเทศในเอเชียกลางและตะวันตก ด้วยบทบาทการเป็นศูนย์กลางหลักของแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมนั้น มีคุณค่าเชิงกลยุทธ์และความหมายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกที่เกิดจากวิกฤตในยูเครน”
หวัง เจียง ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันศึกษาพรมแดนของจีนที่มหาวิทยาลัยเจ้อเจียงกล่าวว่า “แม้ว่าซินเจียงจะมีเสถียรภาพทางสังคม แต่การรับมือกับสถานการณ์ที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกบางประเทศที่ล้อเลียนใส่ร้ายจีนเรื่องสิทธิมนุษยชนไม่เลิกรา”
การบรรลุความมั่นคงในระยะยาวนั้น จำเป็นต้องการความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวด้วย และเพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาว ภูมิภาคนี้ควรถูกบูรณาการเข้ากับการพัฒนาประเทศ หวังเจียงกล่าวว่าการสร้างศูนย์แห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางของการเปิดประเทศทางทิศตะวันตกมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยค้นหาสถานที่ใหม่ในการค้าโลกและเพื่อทำลายการปิดล้อมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ในซินเจียงก็เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมจีนเช่นกัน และนี่คือเหตุผลที่ประธานาธิบดีสีไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และเน้นเรื่องการคุ้มครองมรดกชาติพันธ์ุอย่างเอาจริงเอาจัง
ภูมิภาคซินเจียงซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางสำคัญของเส้นทางสายไหมโบราณ ได้กลายเป็นประตูสำคัญของการเปิดประเทศทางตะวันตกของจีน และพื้นที่หลักของแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม เป็นข้อได้เปรียบที่โดดเด่นของภูมิภาคนี้ ในการเพิ่มการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และ ความร่วมมือ รวมถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มรดกทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง และนโยบายพิเศษ