เพราะลุงตู่เป็นอย่างนี้..นี่สิจึงต้องเชียร์”สนธิญาณ”กล่าว แก้วิฤกตโควิด-19 ฟังเสียงประชาชน
ในรายการ “ทิศทางไทยในช่วงเวลา 00.00 กับ สนธิญาณ” ทางช่องสถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ผ่านทางยูทูป ทางด้าน “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ในประเทศไทย ระบุว่า…
ไม่ได้มาแบบดุเดือดเลือดพล่าน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะหลังจากที่เห็นข่าวไทยพยผู้ป่วยโควิด19 เพิ่มขึ้นแค่ 38ราย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี ชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลซึ่งนำโดย “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และทีมคณะทำงานทั้งหมด โยเฉพาะบุคคลากรทางการแพทย์ในทุกระดับ ที่สำคัญที่สุดก็คือพี่น้องประชาชน
“สนธิญาณ” ย้ำว่างานนี้ไม่เชียร์ลุงตู่ไม่ได้ เพราะนับตั้งแต่ลูงตู่ประกาศภาวะฉุกเฉิน เมื่อ26มี.ค.63 นับจนถึง 7เม.ย.63 รวมระยะเวลา 13วัน ซึ่งตนทั้งยุทั้งแหย่ทั้งโยนทั้งบีบคั้นทั้งขอร้องให้ลุงตู่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ทั้งนี้อัตราผู้ป่วยรายวันใน13วันที่ผ่านมา แม้วันนี้จะมีผู้ป่วยสะสมสองพันกว่าราย แต่สิ่งที่เห็นได้คือยอดผู้ป่วยแต่ละวันลดลงตามลำดับ ดูรูปธรรมชัดๆ นับตั้งแต่ 1เม.ย. เป็นต้นมา จาก120ราย วันที่2 มี104ราย วันที่3 มี103ราย วันที่4 มี89ราย วันที่5 มี 102ราย วันที่6 มี51ราย และวันที่7 มี38ราย
“เป็นอย่างไรบ้างกับ13วัน อัตราผู้ป่วยที่ลดลงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นความสำเร็จของรัฐบาล ของบุคลากรที่ทำงานทั้งสิ้น ทั้งปวง และของคนไทยที่ให้ความร่วมมือกัน อาจจะมีเพียงกลุ่มคนบางกลุ่มที่บอกว่าปิดบังตัวเลข มาถึงปัจจุบันยังคิดแบบนี้ก็บ้าสิ้นดี เพราะปิดบังไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ตัวเลขทุกอย่างเปิดเผยเพื่อนำพาไปสู่ความร่วมมือของพี่น้องประชาชนคนไทย” สนธิญาณ กล่าว
และถ้ามาดูบทความของท่านอ.ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ท่านเป็นหนักกฎก็จริงแต่ท่านได้ไปทำสถิติมาให้ ว่านับตั้งแต่ประเทศไทยพบผู้ป่วยติดโวคิด-19 นับตั้งแต่วันแรก 12ม.ค.63จนมาถึง6เม.ย. มีผู้ป่วยสะสม 2,220 ราย มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ประเทศสหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 20 ม.ค.63 จนถึง6เม.ย. มีผู้ป่วยสะสม 336,851 ราย มีผู้เสียชีวิต 9,620 ราย
อับดับ2 ประเทศสเปนพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 30 ม.ค.6 จนถึง6เม.ย. มีผู้ป่วยสะสม 131,646 ราย มีผู้เสียชีวิต 12,641 ราย , อันดับ3 ประเทศอิตาลีพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 29 ม.ค.63 จนถึง6เม.ย. มีผู้ป่วยสะสม 128,948 ราย มีผู้เสียชีวิต 15,887 ราย , อันดับ4 ประเทศเยอรมนีพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 26 ม.ค.63 จนถึง6เม.ย. มีผู้ป่วยสะสม 100,123 ราย มีผู้เสียชีวิต 1,584 ราย ,อับดับ5 ประเทศฝรั่งเศสพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 23 ม.ค.63 จนถึง6เม.ย. มีผู้ป่วยสะสม 92,839 ราย มีผู้เสียชีวิต 8,087 ราย และอันดับ 6ประเทศอังกฤษพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายแรกเมื่อวันที่ 30 ม.ค.63 จนถึง6เม.ย. มีผู้ป่วยสะสม 47,806 ราย มีผู้เสียชีวิต 4,934 ราย ซึ่งอัตราการเสียชีวิตสูงลิ่ว
โดยอ.ชูชาติยังได้เปรียบเทียบไว้อย่างเห็นได้ชัด ประเทศดังกล่าวพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรก หลังประเทศไทยตั้งแต่ 8 วัน จนถึง 18 วันแต่ถ้าดูจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้วต่างกันมากมายหลายเท่าเช่น
- สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยต่างกันประมาณ 152 เท่า ผู้เสียชีวิตต่างกันประมาณ 370 เท่า
- สเปนมีผู้ป่วยต่างกันประมาณ 59 เท่า ผู้เสียชีวิตต่างกันประมาณ 486 เท่า
- อิตาลีมีผู้ป่วยต่างกันประมาณ 58 เท่า ผู้เสียชีวิตต่างกันประมาณ 611 เท่า
- เยอรมนีมีผู้ป่วยต่างกันประมาณ 45 เท่า ผู้เสียชีวิตต่างกันประมาณ 61 เท่า
- ฝรั่งเศสมีผู้ป่วยต่างกันประมาณ 42 เท่า ผู้เสียชีวิตต่างกันประมาณ 311 เท่า
- อังกฤษมีผู้ป่วยต่างกันประมาณ 22 เท่า ผู้เสียชีวิตต่างกันประมาณ 190 เท่า
“สนธิญาณ”กล่าวต่อว่า ที่อ.ชูชาติได้ยกตัวอย่างประเทศเหล่านี้มา เห็นหรือไม่ว่าล้วนแต่เป็นประเทศที่บรรดาพวกบ้าประชาธิปไตยชื่นชมยินดี หากถามว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะสันดานของคนในประเทศเหล่านี้ที่ปลูกฝัง ถูกสร้างมาให้คิดแต่เรื่องของตัวเอง เอาปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง ไม่ได้คิดถึงภาพรวม ความรู้สึก ความเมตตากรุณาที่จะต้องดูแลกัน ซึ่งเป็นรากฐานสังคม แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือการจัดการของรัฐบาล ยอมรับหรือไม่ว่าลุงตู่จัดการได้ดี ทีมงานของลุงตู่ โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ต้องถือว่าเยี่ยมยอด แต่ทั้งปวงก็คือตอนที่ลุงตู่พลิกตัวไหวทันที่ได้ไปเชิญบุคลกรทางการแพยท์เป็นที่ปรึกษาโดยตรง
ความสำเร็จนี้คนไทยทั้งหมดร่วมมือกัน ต่อให้รัฐบาลจะบังคับอย่างไรถ้าเราทั้งหมดไม่ร่วมมือกัน ผลก็จะไม่ออกมาเป็นแบบนี้ นั้นก็เพราะคนไทยมีความรู้สึกในการอยู่ร่วมกัน ความเมตตา กรุณาร่วมกัน ซึ่งเป็นจุดแข็งของสังคมไทย ..อย่าไปบ้าตามพวกนักการเมืองประชาธิปไตยทั้งหลาย
“สนธิญาณ”กล่าวประเด็นสุดท้าย ข้อดีของลุงตู่ที่ต้องเชียร์ คือ “รับฟัง”ความคิดเห็น ตั้งแต่การประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้ก็ได้ปิดประเทศและทยอยให้คนไทยเดินทางกลับเข้ามา อย่างไรก็ตามในการควบคุมนั้นระดับของการเข้าไปดูแล ได้จัดการลงลึกถึงระดับตำบล ที่มีกระทรวงมหาดไทยเข้าไปเป็นผู้ขานรับ และเมื่อ7เม.ย.มีประชุมครม.ประกาศให้สถานการณ์โควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ จัดการจัดงบฯประมาณใหม่ เกลี่ยงบฯ ตามข้อเสนอของสถาบันทิศทางไทย แต่ไม่ใช่สถาบันทิศทางไทยทำเพียงลำพัง ยังมีข้อเสนอมากมายต่างๆที่เข้ามาและรัฐบาลรับฟัง
ทั้งนี้ก็หวังว่า นับจากนี้ไปคุมสถานการณ์ทางด้านการป้องกันดูแลรักษาได้ การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและชีวิตของผู้คนก็จะได้รับการสนใจขึ้น และในวันนี้ลุงตู่ประกาศแล้วให้รัฐมนตรี กระทรวงทุกกระทรวงไปเตรียมข้อเสนอ เพื่อมาบรูณาการ นี่คือข้อดี และเหตุผลที่ต้องเชียร์ลุงตู่ “สนธิญาณ”กล่าว