สหรัฐ-ยุโรปยอมขายหน้า! ซื้อน้ำมันซาอุฯ ผสมรัสเซีย ราคาแพงลิ่ว! ขณะที่อาเซียนได้ราคาแสนถูก

0

สหรัฐ-ยุโรปยอมขายหน้า! ซื้อน้ำมันซาอุฯ ผสมรัสเซีย ราคาแพงลิ่ว! ขณะที่อาเซียนได้ราคาแสนถูก

จากกรณีที่ท่อลำเลียงใหญ่ที่สุดที่ลำเลียงก๊าซจากรัสเซียป้อนสู่เยอรมนี เริ่มซ่อมบำรุงประจำปีเมื่อวันจันทร์ (11 ก.ค.) ท่ามกลางความคาดหมายว่ากระแสก๊าซจะหยุดไหลเป็นเวลา 10 วัน แต่รัฐบาลชาติต่างๆ ในยุโรป ตลาดและบริษัทเอกชนทั้งหลาย แสดงความกังวลว่าการปิดท่อลำเลียงอาจลากยาวออกไป สืบเนื่องจากสงครามในยูเครน

ท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 1 ลำเลียงก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ลอดใต้ทะเลบอลติกสู่เยอรมนี 55,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี แต่มันมีกำหนดปิดซ่อมบำรุงประจำปีตั้งแต่วันที่ 11 ถึง 21 กรกฎาคมนี้

เมื่อเดือนที่แล้ว รัสเซียตัดลดการจ่ายก๊าซเหลือเพียง 40% ของศักยภาพโดยรวมของท่อลำเลียง อ้างว่าบริษัทซีเมนส์ เอนเนอร์จี ซัปพลายเออร์สัญชาติเยอรมนี ส่งชุดอุปกรณ์ที่ส่งไปซ่อมกลับมาล่าช้า โดยเวลานี้กังหันแปลงก๊าซของท่อลำเลียงนอร์ดสตรีมที่ผ่านการซ่อมแซมแล้วนั้นยังติดค้างอยู่ที่โรงซ่อมแห่งหนึ่งในแคนาดา สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของออตตาวาที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย

ต่อมาทางเพจ World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ยุโรปให้หันมาซื้อน้ำมันจากอินเดียและตะวันออกกลาง โดยอ้างอิงจาก The Times และสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า

การชิงไหวชิงพริบระหว่างฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียวโลกตะวันตก กับฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วโลกตะวันออก ต่างไม่มีใครยอมใคร เมื่อสหรัฐ นำกลุ่มชาติอุตสาหกรรม G7 ประชุมกันที่เยอรมนี ออกมาตรการกดขี่เอาเปรียบรัสเซียด้านพลังงาน ทองคำ ทำให้รัสเซีย ก็สวนหมัดกลับโดยปิดท่อส่งน้ำมัน Caspian Pipeline Consortium (CPC) ที่มาจากบ่อน้ำมันใหญ่ที่สุดของคาซัคสถาน และบรรจบกับท่อน้ำมันที่มาจากรัสเซีย มารวมกันและผ่านดินแดนรัสเซีย ตรงไปยังทะเลดำเป็นหนึ่งในท่อลำเลียงน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เชฟรอน และเอ็กซอน โมบิล รวมอยู่ด้วย ส่งน้ำมันดิบจากคาซัคสถานสู่ยุโรปราวๆ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน และส่งทางเรือมุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ โดยปิดท่อนาน 30 วัน อ้างว่าเพื่อตรวจสอบและบำรุงรักษา
ปัจจุบันรัสเซียผลิตน้ำมันขายส่งออกได้ 10.1 ล้านบาร์เรล/วัน มากกว่าก่อนลุยยูเครนเสียอีก จึงทุบยุโรปซ้ำโดย “ปล่อยเกาะโดดเดี่ยวยุโรป” เปลี่ยนเส้นทางน้ำมันไปยังจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง ช่วง มิ.ย.2022 ส่งน้ำมันออกไปตะวันออกกลางพุ่งไปถึง 155,000 บาร์เรล/วัน และเดือน ก.ค.นี้ ยอดพุ่งไปอีก 220,000 บาร์เรล/วัน เส้นทางน้ำมันรัสเซีย จะไปที่ท่าเทียบเรือ Ain Sukhna ของอียิปต์ในทะเลแดงของ Aramco Trading ก่อนจะส่งต่อไปยังท่าเรือในดินแดนซาอุดิอาระเบีย นำเข้าน้ำมันรัสเซียรวดมากถึง 3.2 ล้านบาร์เรล แล้วนำไปผสมกับน้ำมันซาอุฯ เอง
อีกทางคือไปที่เมือง Fujairah ของ UAE จากนัันจะถูกผสมกับน้ำมันของ UAE เอง โดยทั้งซาอุฯ และ UAE ต่างอ้างว่าสั่งน้ำมันรัสเซียมาใช้กับโรงไฟฟ้า แต่เมื่อผสมน้ำมันแล้วก็ตรวจสอบยากจากนั้นได้ส่งขายน้ำมันให้สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ในราคาแพง แต่ส่งขายอาเซียน และชาติอื่นถูกกว่า , สหรัฐ รู้ว่าพลาดท่ารัสเซียเสียแล้ว จึงแก้ลำช่วยยุโรปหนีตาย ด้วยการทุบกระปุกน้ำมันให้ 14 บริษัทที่ เช่น Chevron Corp , ExxonMobil Corp , Valero Energy Corp ฯลฯ ได้สัญญาขายน้ำมันจากคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ฉุกเฉินในภาวะสงคราม (SPR) ซึ่งกักเก็บอยู่ในถ้ำเกลือชายฝั่งรัฐหลุยเซียน่า และเท็กซัส
ปล่อยน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นเวลา 6 เดือนขายทั้งในประเทศ ยุโรป และชาติบริวาร แต่น้ำมันสหรัฐ ไม่อาจเพียงพอต่อทวีปยุโรป ทำให้หลายชาติต้องยอมน้ำตาตกสะอื้น “กินน้ำใต้ศอก” เช่น ฝรั่งเศส นางมารีน เลอเปน หัวหน้าพรรค National Rally ของฝรั่งเศส คู่แข่งทางการเมืองประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง เธอระบุว่า “มาตรการคว่ำบาตรยุโรปต่อรัสเซียไม่ได้ผลเลยเพียงน้อย แต่กลับทำให้รัสเซียรวยกว่าเดิม ฝรั่งเศสต่างหากที่ได้รับผลกระทบมากกว่าที่รัสเซียเผชิญ ตอนนี้ฝรั่งเศสต้องไปซื้อน้ำมันจากอินเดีย ที่นำเข้าจากรัสเซียอีกทอดหนึ่ง”
ส่วนสหราชอาณาจักรนั้น โรงกลั่นน้ำมันดิบในประเทศ หยุดพัฒนามานานราว 5 ทศวรรษแล้วจึงล้าหลังด้อยกว่ารัสเซียมาก ภาวะขาดแคลนกำลังการกลั่นน้ำมันของโรงงานในอังกฤษ จำต้องขอร้องวิงวอนขอนำเข้าน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปจากรัสเซีย คิดเป็น 20% ของน้ำมันดีเซลที่ใช้ในราชอาณาจักรทั้งหมดในขณะนี้..นี่คือข้อเท็จจริงที่ชาวโลกต้องรู้ ไม่มีนักการเมืองคนใดที่จะพูดความจริงตรงไปตรงมาเพราะ”มันเขิน”..และน้ำมันดิบที่ชาวยุโรป หรืออาเซียนนำเข้ามาจากซาอุฯ และ UAE แล้วเข้าโรงกลั่นใช้ทุกวันนี้เป็นน้ำมันรัสเซียผสมมาเท่าไรก็ตรวจสอบไม่ได้..ยุโรป ทนคว่ำบาตรรัสเซียต่ออีกนิด ซื้อน้ำมันรัสเซียแพงต่อจากยี่ปั้วอีกสักหน่อย..สู้ต่อไป ชนะกระเป๋าฉีกแน่นอน