ฉีกหน้าสหรัฐฯ! บราซิลนำเข้า”เชื้อเพลิงดีเซล”รัสเซียราคาแสนถูก! ย้อน อเมริกาขอให้ผลิตน้ำมันเพิ่ม แต่ถูกตอกหงายหลัง

0

ฉีกหน้าสหรัฐฯ! บราซิลนำเข้า”เชื้อเพลิงดีเซล”รัสเซียราคาแสนถูก! ย้อน อเมริกาขอให้ผลิตน้ำมันเพิ่ม แต่ถูกตอกหงายหลัง

จากกรณีที่มีรายงานว่า ฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล ประกาศว่ารัฐบาลบราซิลบรรลุข้อตกลงนำเข้าเชื้อเพลิงดีเซลจากรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลดราคาเชื้อเพลิงในประเทศ โดยเชื้อเพลิงดีเซลจากรัสเซียจะถูกจัดส่งมาถึงบราซิลในอีก 60 วัน

โดย บลโซนารูระบุว่าการนำเข้าเชื้อเพลิงดีเซลจากรัสเซียนั้นมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าผู้จัดจำหน่ายต่างชาติรายอื่นๆ ที่เลือกโดยเปโตรบราส (Petrobras) บริษัทน้ำมันของบราซิล

โบลโซนารู ยังระบุด้วยว่า บราซิลนำเข้าเชื้อเพลิงดีเซลเกือบร้อยละ 30 ของปริมาณทั้งหมดที่ใช้ในประเทศ จึงจำเป็นต้องนำเข้าเชื้อเพลิงจากผู้ที่ขายในราคาถูกกว่าแทนที่จะซื้อจากผู้ที่ขายแพงกว่า

ทั้งนี้ เขาเสริมว่า บราซิลเป็นกลางในความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย โดยเขาได้เข้าพบกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงมอสโกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองได้ตกลงกันรักษาอุปทานปุ๋ยสำหรับภาคธุรกิจการเกษตรของบราซิล

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ ได้สอบถามบริษัทผลิตน้ำมันแห่งชาติเปโตรบราส (Petrobras) ของบราซิลว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันได้หรือไม่ หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น แต่ฝั่งสหรัฐต้องกลับบ้านมือเปล่า

แหล่งข่าวเผยว่า เจ้าหน้าที่ของเปโตรบราสเผยว่าระดับการผลิตน้ำมันเป็นการทำหน้าที่ของกลยุทธ์ทางธุรกิจไม่ใช่การทูต และการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้นก็ไม่สามารถทำได้ในเชิงลอจิสติกส์

แถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่ส่งถึง Reuters ระบุว่า “เรากำลัง…ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้กับพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการกระทำของรัสเซียต่อประเทศอื่นๆ เช่นบราซิล เรากำลังทำงานร่วมกับบริษัทพลังงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดหาพลังงานสู่ตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ราคาสูงขึ้น”
อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมหรือแสดงความคิดเห็นกับกรณีการพบปะกับเจ้าหน้าที่ของเปโตรบราสเมื่อเดือน มี.ค.
นอกจากนี้ เปโตรบราสปฏิเสธในแถลงการณ์ว่าไม่มีการพบปะใดๆ กับตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เมื่อถูกถามว่าพวกเขาได้ติดต่อพูดคุยกับหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาลสหรัฐหรือไม่
วอชิงตันใช้การผลักดันทางการทูตอย่างกว้างขวางเพื่อจัดหาน้ำมันทั่วโลกและควบคุมราคาไม่ให้สูงขึ้นหลังจากรัสเซียบุกยูเครน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐยังพยายามปรับความสัมพันธ์กับรัฐบาลฝ่ายขวาของประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู แม้ว่าจะมีความเห็นไม่ตรงกันกรณีสงครามยูเครนและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ บราซิลเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหฐ่อันดับ 9 ของโลก