แฉลึกศรีลังกา ชิงอำนาจในตระกูล ทำการเมืองปท.พัง! รมต.คอรัปชั่นอื้อ หอบเงินซุกสหรัฐฯ

0

แฉลึกศรีลังกา ชิงอำนาจในตระกูล ทำการเมืองปท.พัง! รมต.คอรัปชั่นอื้อ หอบเงินซุกสหรัฐฯ

จากกรณีที่ นายโคฐาภยะ ราชปักษะ ประธานาธิบดีศรีลังกา ได้หลบหนีออกนอกประเทศด้วยเครื่องบินทหารในช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ค.) เนื่องจากไม่สามารถทนแรงกดดันจากประชาชน โดยรายงานระบุว่าขณะนี้นายราชปักษะได้เดินทางถึงประเทศมัลดีฟส์แล้ว

ก่อนหน้านี้ นายราชปักษะยืนยันว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ หลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปยังบ้านพักในทำเนียบประธานาธิบดี รวมทั้งได้จุดไฟเผาบ้านพักของนายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห เนื่องจากไม่พอใจต่อการบริหารประเทศ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ตกต่ำ

โดยรัฐสภาศรีลังกาจะจัดการประชุมในวันที่ 15 ก.ค.นี้ เนื่องจากตำแหน่งประธานาธิบดีได้ว่างลง และจะมีการเสนอชื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 19 ก.ค. ส่วนการลงคะแนนเพื่อสรรหาประธานาธิบดีคนใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 20 ก.ค.นี้

ล่าสุดทางเพจ World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่เบื้องหลังของเหตุการณ์ความวุ่นวายในประเทศศรีลังกา โดยอ้างอิงจากสำนักข่าวรอยเตอร์และ The Guardian ระบุว่า ศรีลังกา บริวารฝ่ายระเบียบโลกเก่ามาช้านาน ตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษนานว่า 74 ปี ตั้งแต่ 1948 ได้ปลูกฝังแนวคิดต้องพึ่งพิงชาวตะวันตกเรื่อยมา ประธานาธิบดี โกตาพญา ราชปักษา สมัยเป็นรัฐมนตรีกลาโหมช่วงปี 2552 ได้ปราบปรามหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายพยัคทมิฬอีแลม ที่สหรัฐ หนุนอาวุธจนเสียชีวิตและสลายกลุ่มไป ยิ่งทำให้บารมีตระกูลราชปักษาได้รับความนิยมจากประชาชน คนในตระกูลนี้ครอบครองธุรกิจแทบทุกชนิดเล็กไปถึงใหญ่ในศรีลังกา ทำให้ขยายอิทธิพลครอบงำพรรคการเมืองเหมือนบริษัทส่วนตัว

ระดับรัฐมนตรีมีการคอรัปชั่นและยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปสะสมไว้ที่สหรัฐ , ดูไบ UAE และอีกหลายชาติเพื่ออำพราง เพื่อหลบเลี่ยงสายตาจากชาวศรีลังกาทั้ง 22 ล้านคน ฝ่ายค้านพยายามตรวจสอบ แต่อ่อนแอเกินไปที่จะฝ่าด่านอำนาจได้ ทำให้ตระกูลราชปักษามีบารมีครอบงำส่วนราชการกองทัพ ทหาร ตำรวจ มหาดไทย การเงิน การคลัง ทุกอย่างบัลดาลได้ทั้งหมดภายใต้อำนาจที่แข็งแกร่งของคนในตระกูลนี้ จนไม่มีใครคิดว่าจะโค่นลงได้
ปี 2018 ศรีลังกา ชิงอำนาจทางการเมืองกันระหว่างตระกูล โดยนายไมตรีปาละ สิริเสนะ เป็นประธานาธิบดี สั่งปลดนายรานิล วิกรมสิงหะ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วตั้งให้นายมหินทา ราชปักษาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองก่อให้เกิดการจลาจลในประเทศมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทำให้ต้องตั้งนายรนิล วิกรมสิงหะ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และจีนได้ไปลงทุนในศรีลังกาจำนวนมากขยายอิทธิพลทางการค้า สร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐ ที่ช่วงนั้นทำสงครามการค้ากับจีนอย่างดุเดือด
ปี 2019 เมื่อการเมืองภายในอ่อนแอก็เป็นสูตรสำเร็จที่สหรัฐ จะเข้ามาแทรกแซง ตำรวจระดับสูงของศรีลังกาส่งหนังสือถึงฝ่ายความมั่นคงของรัฐราว 10 วันก่อนเกิดเหตุร้าย แจ้งเตือนแผนการโจมตีสถานที่สำคัญโดยกลุ่มก่อการร้าย IS มีฐานที่มั่นใหญ่ในค่ายทหารเถื่อนสหรัฐ ในซีเรีย อิรัก โดยสาขาในศรีลังกาของ IS คือ องค์การเอกเทวนิยมแห่งชาติ แต่ความขัดแย้งทางการเมืองกลับไม่มีการส่งผ่านข้อมูลแจ้งเตือนตำรวจเรื่องนี้ไปยัง นายกรัฐมนตรีรนิล วิกรมสิงหะ ที่ไม่ทราบข่าวกรองมาก่อน เป็นสาเหตุที่ทำให้การป้องกันการก่อการร้ายผิดพลาด
เม.ย.2019 และแล้วก็เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น เมื่อกลุ่มก่อการร้าย IS ในศรีลังกาได้ก่อเหตุร้ายวางระเบิดถึง 8 จุด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 253 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองศรีลังกา มีชาวต่างชาติ 46 ราย และมีผู้บาดเจ็บราว 500 ราย ต่อด้วยปี 2020 เป็นต้นมาเกิดการระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้การท่องเที่ยวที่หดหายอย่างรุนแรง ด้วยภาครัฐไม่ได้สนับสนุนภาคเกษตรกรรม ประมง ใบชา มานาน รายได้ส่วนนี้จึงไม่เพียงพอจะเพิ่มเงินคงคลัง ผลผลิตข้าวอาหารหายไป 50% ความอดอยาก ยากจน คุกคามชาวศรีลังกา ท่ามกลางการใช้ชีวิตที่หรูหราสุขสบายของตระกูลการเมืองทั้งหลาย
เม.ย.2022 รัฐบาลศรีลังกาถังแตก มีแต่หนี้ตะวันตกถึง 80% เป็นหนี้จีน และอินเดีย อีกชาติละ 10% ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อสูง น้ำมันขาดแคลน ไฟฟ้าดับ ขาดยารักษาโรค , พ.ค.2022 เกิดม็อบใหญ่จราจล ประธานาธิบดี โกตาพญา ราชปักษา ให้นายกรัฐมนตรีมหินทา ราชปักษา ผู้เป็นน้องชายลาออก แล้วอีหรอบเดิมคือตั้งนายรนิล วิกรมสิงหะ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

เหมือนพายเรือวนในอ่างตระกูล ทำให้แก้ปัญหาใดไม่ได้ท่ามกลางทวีความไม่พอใจจากประชาชนต่อตระกูลราชปักษา , ก.ค.2022 จราจลใหญ่บุกบ้านพักผู้นำที่หนีไป พบเงินสดที่เป็นธนบัตรใหม่เอี่ยมมูลค่า 17.85 ล้านรูปี (ราว 1.77 ล้านบาท) ในบ้านพักของประธานาธิบดี ราชปักษา ม็อบได้ส่งมอบให้แก่ตำรวจ และมอบต่อให้ศาล ม็อบอีกชุดบุกเผาบ้านนายกรัฐมนตรีรนิล วิกรมสิงหะ
ล่าสุดคืนวันที่ 11 ก.ค.2022 ประธานาธิบดีราชปักษา พยายามจะขึ้นเครื่องบินเดินทางไปยังนครดูไบ UAE ตะวันออกกลาง เพื่อหนีออกนอกประเทศ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสกัดไม่ให้ใช้ช่องทางพิเศษ VIP เพราะเขาไม่กล้ารอคิวด้วยวิธีปกติเพราะกังวลว่าจะถูกประชาชนเห็นและรุมทำร้าย เขาตกเครื่องบินที่จะเดินทางไปดูไบถึง 4 เที่ยวบิน เขาและภรรยาได้เดินทางกลับไปยังฐานทัพทหารที่อยู่ใกล้เคียงไม่สามารถบินหนีออกจากศรีลังกาได้ , เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยังสกัดนายบาซิล ราชปักษา อดีตรัฐมนตรีคลังที่เพิ่งลาออก “เขาถือสัญชาติอเมริกัน” และจะเดินทางไปสหรัฐ ที่ขนทรัพย์สินไปไว้ แต่ก็ถูกขัดขวางเช่นกัน
เขาเป็นน้องชายของประธานาธิบดีราชปักษาอีกคนหนึ่ง ขณะนี้ทั้งประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี แค่บอกผ่านคนอื่นมาว่า “จะลาออก” แต่ยังไม่ได้ลาออกจริงๆ ประชาชนที่โกรธแค้นยังคงหลั่งไหลกันเข้าไปในบ้านพักของผู้นำ เพราะมองว่า รัฐบาลตระกูลราชปักษา บริหารประเทศผิดพลาดและทุจริตคอร์รัปชัน เป็นโปรชาติตะวันตก เป็นสาเหตุที่ผลักดันให้ศรีลังกาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่สาหัสที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราชเป็นต้นมา ม็อบไม่เชื่อว่าเขาจะรักษาคำพูดจึงได้นั่งเล่นบนเก้าอี้โซฟา และสนามหญ้าเดินรอบอาคารยุคอาณานิคม
ฝ่ายความมั่นคงที่จำนวนน้อยกว่าทำได้แค่เฝ้าจับตาดูฝูงชน แต่ไม่ได้ใช้กำลังใดๆ บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ เตรียมจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเฉพาะกาล คาดว่าจะมีการโหวตเลือกในสภาวันที่ 20 ก.ค.2022 นี้..ถ้ารัฐบาลศรีลังกาชุดใหม่ ยังไม่สามารถสลัดคนในตระกูลราชปักษา และตระกูลการเมืองที่ครอบงำพรรคการเมือง รวมถึงสลัดสหรัฐ ฝ่ายระเบียบโลกเก่าออกไปไม่ได้ และเดินหน้ากู้ดอลลาร์ IMF ขายทรัพย์สินชาติ ทุกข์เข็ญชาวศรีลังกายามนี้แค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังต้องเจอหนักกว่านี้อีกมากมายอีกแสนนานเหมือนประเทศอเจนตินา ในยามนี้