งามไส้ไบเดน! ขนน้ำมันฉุกเฉินใช้ภาวะสงคราม ขาย14บริษัทนายทุนเดโมแครต ผวาแพ้ลต.ปลายปี

0

จากกรณีสหรัฐและพันธมิตร พากันคว่ำบาตรพลังงานไม่นำเข้าน้ำมัน และก๊าซของรัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทำต่อชาติยุโรปเป็นอย่างมาก กระทั่งอเมริกาเองก็ประสบปัญหาขาดแคลนด้วยเช่นกัน

ต่อมาวันที่ 12 กรกฏาคม 2565 เพจWorld Update ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ล่าสุดของสหรัฐอเมริกาโดยระบุที่มา ทั้งจาก markets.businessinsider  Reuters และ AFP ซึ่งมีความน่าสนใจและสำคัญไว้บางช่วงว่า

“สหรัฐทุบกระปุกน้ำมันขายเลี้ยงชีพ! ส่วนรัสเซีย ร่ำรวยจัดขอชาวยูเครนมาช่วยใช้เงิน ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นเงินที่พิมพ์ขึ้นมาโดยไม่มีสินทรัพย์มีค่าทองคำค้ำประกันค่าเงิน การพิมพ์เงินจึงเรียกว่าระบบ QE ให้ธนาคารกลางสหรัฐ การันตีตัวเอง

สินทรัพย์ที่ค้ำก็คือ เครดิตความเชื่อใจ ซึ่งเป็นนามอธรรมจับต้องไม่ได้ ไม่มีคุณค่าแท้จริงในตัวเงินเอง แต่มีค่าอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเป็นฝ่าย กุมระเบียบโลกเก่า ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปียุครัฐบาลโจ ไบเดน สหรัฐ พิมพ์เงินมาใช้จ่ายมากถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ (206.5 ล้านล้านบาท) โดยไม่มีทองคำค้ำประกันแม้สักกรัมเดียว

สหรัฐ กำหนดระเบียบโลก ให้ชาติทั่วโลกถือเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของตนเป็นดอลลาร์ หรือ พันธบัตร แทนทองคำ หรือเงินสกุลอื่น ทำให้เงินดอลลาร์มีอิทธิพล และทรงค่าสมมุติอยู่ได้แม้ตัวเงินนั้นจะมีค่าไม่ต่างจากกระดาษธรรมดาก็ตาม สหรัฐยังค้ำประกันค่าเงินดอลลาร์โดยน้ำมัน กำหนดให้ซาอุดิอาระเบีย ขายน้ำมันเป็นดอลลาร์เท่านั้น เมื่อบวกกับน้ำมันที่สหรัฐ ผลิตขายเองจึงเรียกว่า เปโตรดอลลาห์ เงินนี้จึงครองสัดส่วนการค้าโลก และทุนสำรองประเทศต่างๆ เรื่อยมา

เมื่อรัสเซีย คิดแก้ลำด้วย เปโตรรูเบิล , ก๊าซรูเบิล กำหนดให้ยุโรปชำระค่าพลังงานเป็นรูเบิล จึงทำให้ค่าเงินยูโรด้อยค่าลง จากเดิมอัตราดอลลาร์/ยูโร คือ 1 : 1.2 ล่าสุดเป็น 1 : 1 หมายความว่ายูโรอ่อนค่าลง 20% ความผันผวนค่าเงินยูโร และดอลลาร์ ที่ไม่แน่นอน

อีกทั้งเงินหยวน รูเบิล ที่มีสัดส่วนการค้าโลกค่อยๆ ขยับสูงขึ้นอย่างมั่นคงเรื่อยๆ ทำให้นานาชาติ ทยอยลดการถือครองขายทิ้งดอลลาร์ ยูโร และพันธบัตรตะวันตก เงินเหล่านี้จึงไหลจากทั่วโลกเรียกว่า เงินทุนไหลออก กลับไปประเทศต้นทางเจ้าของเงิน ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อนานาชาติ เพราะถือครองเงินทุนดอลลาร์ลดลง ก็สามารถเปลี่ยนไปถือครองทองคำ หยวน ที่มีค่าแท้จริงแทน

เงินดอลลาร์ที่ไหลกลับไปท่วมสหรัฐ ยามนี้จึงเกิดอัตราเงินเฟ้อสูง เป็นความเสี่ยงแพ้เลือกตั้งของพรรคเดโมแครต ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งกลางเทอมเดือน พ.ย.2022 ที่หวังจะรักษาการควบคุมของทั้งสองสภา รัฐบาลไบเดน ที่กำลังคะแนนนิยมต่ำเตี้ยเพียง 29% ต้องรีบแก้ไขด่วน

ขณะนี้จึงทุบกระปุกน้ำมันกินบุญเก่า โดยอนุมัติให้ 14 บริษัทที่เป็นนายทุนพรรค เช่น Chevron Corp , ExxonMobil Corp , Valero Energy Corp ฯลฯ ได้รับสัญญาการขายน้ำมันจากคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธ์ศาสตร์ฉุกเฉินในภาวะสงคราม (SPR) ซึ่งกักเก็บอยู่ในถ้ำเกลือที่มีโพรงบนชายฝั่งรัฐหลุยเซียน่า และเท็กซัส ปล่อยน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นเวลา 6 เดือนขายทั้งใน และต่างประเทศ

การขายน้ำมันครั้งล่าสุดเสนอ 45 ล้านบาร์เรล แต่บริษัทต่างๆ ซื้อเพียง 39 ล้านบาร์เรลเท่านั้น โดยสหรัฐ คาดหวังว่าการทุบกระปุกน้ำมันสำรองเพื่อเลี้ยงตัวเองยามยากครั้งนี้ จะช่วยกดราคาน้ำมันดิบต่ำลงเหลือ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปลายปี 2022”