แตกไปแล้วอีกหนึ่ง!? รัฐบาลเอสโตเนียเตรียมล่ม นายกฯโดนหนีลาออก หลังเดินเกมผิด “คว่ำบาตรรัสเซีย”
ล่าสุดในวันที่ 11 ก.ค.65 ทางด้านของเพจสาธารณะชื่อ World Update ได้เปิดเผยรายงานล่าสุด ที่หลายๆประเทศได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรรัสเซีย จนส่งผลถึงสถานภาพของรัฐบาล โดยมีรายละเอียดว่า “เอสโตเนีย ทนอีกสักนิด! นายกฯ ลาออก รัฐบาลล้มคว่ำแล้ว เหตุจากคว่ำบาตรรัสเซีย”
ประเทศเอสโตเนีย เป็นประเทศเล็กๆ ในยุโรปตะวันออก เคยเป็นส่วนหนึ่งสหภาพโซเวียติ มีพรมแดนติดกับประเทศลัตเวีย รัสเซีย โดยมีเมืองหลวงคือ ทาลลินน์ ทั้งประเทศมีประชากรน้อยเพียง 1.33 ล้านคน เป็นสมาชิกกลุ่มทำสงครามรุกราน NATO และสหภาพยุโรป (EU)
ประธานาธิบดีอาลาร์ การิส ประมุขประเทศ เคยเดินทางไปยูเครนช่วง เม.ย.2022 เพื่อโชว์พาวผนึกกำลังกันต่อสู้รัสเซีย ให้ได้ชัยชนะ มีนายกรัฐมนตรีหญิง “คาจา คัลลา” เป็นผู้นำรัฐบาลผสมบริหารประเทศ และสภามี ส.ส. จำนวน 101 คน
ประเทศเอสโตเนีย ต้องพึ่งพิงก๊าซรัสเซียในสัดส่วนสูงมาก และใช้ระบบไฟฟ้า Grid อดีตโซเวียติที่ต่างจาก Grid ไฟฟ้ายุโรปตะวันตก เมื่อรัฐบาลเอสโตเนีย ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย จึงถูกรัสเซียสวนกลับโดยการตัดก๊าซที่ส่งทางท่อ
ส่งผลให้เอสโตเนีย ประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ราคาสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อสูงมากอันดับต้นของยุโรปตัวเลข 2 หลัก เอสโตเนีย ต้องระหกระเหินไปเช่าคลังจัดเก็บก๊าซเหลว LNG กับฟินแลนด์ และอยู่ช่วงดำเนินการปรับระบบขนส่ง เอสโตเนีย มีแผนที่จะหยุดนำเข้าก๊าซรัสเซียทั้งหมดภายในสิ้นปี 2022
โดยนายกรัฐมนตรีคาจา คัลลา ระบุว่า “เพื่อตัดการให้ทุนสนับสนุนในการทำสงครามกับยูเครนและยกเลิกการพึ่งพารัสเซีย” นับแต่นั้นมาการเมืองในเอสโตเนีย ที่มีกลุ่มผลประโยชน์บริษัทพลังงานน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้าจากรัสเซีย ก็ขย่มรัฐบาลจนจะล้มมิล้มแหล่ขาดเสถียรภาพในสภา
เอสโตเนีย ได้ให้ NATO มาใช้พื้นที่ฝึกซ้อมทหารเพื่อข่มขู่รัสเซียให้กลัว , เดือน พ.ค.2022 นายกรัฐมนตรีกายา กัลลัส แห่งเอสโตเนีย โวยวายกลยุทธ์ของ NATO สำหรับรัฐในย่านทะเลบอลติก
เธอระบุว่า ” NATO ไม่กล้าทำอะไรเลยหากรัสเซียโจมตี ประเทศของเธออาจถูกกวาดล้างออกไปจากแผนที่โลก เธอไม่เห็นความหมายหรือผลกระทบใดๆ ต่อรัสเซีย ในการคว่ำบาตรของผู้นำยุโรป กระทบถึงประธานาธิบดีปูติน”
ต่อมารัฐบาลเอสโตเนีย สั่งห้ามผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปในการนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางประเภท เครื่องเรือน ไม้ ปุ๋ย และอื่นๆ งดส่งออกสินค้าบางอย่างไปยังรัสเซีย เช่น สินค้าฟุ่มเฟือยและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางชนิด เอสโตเนีย ขึ้นชื่อว่า “ดินแดนค้าสุรา” นี่จึงทำให้บรรดากลุ่มธุรกิจโกรธแค้นรัฐบาลมากที่ตัดช่องทางทำมาหากิน
ผ่านไปเพียงข้ามคืนเท่านั้น “นายกรัฐมนตรีคาจา คัลลา แห่งเอสโตเนีย ประกาศลาออกจากตำแหน่ง” เพราะทนแรงกดดันทางการเมืองที่ขาดเสถียรภาพรัฐบาลไม่ไหวเพราะพรรคเธอมีแค่ 34 ส.ส.ต้องอาศัยพรรคอื่นร่วมรัฐบาล ส่วนพรรคการเมือง Isamaa ย้ำว่าพวกเขาจะเข้าร่วมพันธมิตรตั้งรัฐบาลหาก นายกรัฐมนตรีคาจา คัลลา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคการเมืองในเอสโตเนีย เปิดการเจรจาต่อรองกัน
จบลงด้วยข้อตกลงร่วมให้นายกฯ ต้องลาออกไป ภายหลัง “กายา กัลลัส” กลายเป็นนายกฯ และรัฐบาลรักษาการแล้ว เธอบอกว่า “ฉันลาออกด้วยตัวเอง เพราะถ้าแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ มีเสียงและความไม่พอใจตามมามากมาย พวกเขาต้องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด” การประชุมรัฐสภาแอสโตเนียช่วงนี้เป็นช่วงนอกสมัยประชุม
ตามขั้นตอนสรรหาผู้นำรัฐบาลคนใหม่ตามรัฐธรรมนูญ ประธานาธิบดีจะเป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อรัฐสภา เพื่อลงมติโหวตให้ความเห็นชอบนายกฯ คนใหม่และจัดตั้งรัฐบาลผสม..นับเป็นรัฐบาลลำดับที่ 4 ของ EU ที่ล่มลงภายหลังคว่ำบาตรรัสเซียได้ 4 เดือน ความวุ่นวายทางการเมืองส่อจะคว่ำตามมาอีกหลายรัฐบาล
แม้จะเปลี่ยนผู้นำไปอีกสักกี่คนถ้ายังคว่ำบาตรรัสเซีย รัฐบาลใหม่ก็จะคว่ำลงอีก เพราะความเดือดร้อนประชาชนที่ต้องพึ่งพาพลังงาน อาหาร ราคาถูกจากรัสเซียนั้นรัฐบาลตอบสนองประชาชนไม่ได้นั่นเอง..ทนคว่ำบาตรรัสเซียอีกสักนิด เปลี่ยนนายกฯ บ่อยๆ สักหน่อย..สู้ต่อไป ชนะล้มลุกคลุกคลานแน่นอน
