การสู้รบในแนวหน้าของโดเนตสก์ยังเป็นไปอย่างดูเดือดไม่พัก กองทัพยูเครนแตกพ่ายถอยร่นออกมาจากพื้นที่ และใช้อาวุธจรวดยิงใส่เขตชาวบ้านในโดเนตสก์ตอนกลางคืนต่อเนื่อง เมื่อกองทัพรัสเซียกำชัยชนะรุกกระชั้น และผู้นำยูเครนเริ่มหวาดหวั่นว่า สหรัฐและตะวันตกจะทอดทิ้งให้สู้เอง เนื่องจากมีกระแสต่อต้านทั้งในรัฐสภาสหรัฐ และฝ่ายบริหารในประเทศต่างๆรวมทั้งการประท้วงลงถนนของประชาชนหลายประเทศให้ถอนตัวจากนาโต้ เลิกหนุนยูเครน โดยภาพรวมคือ ยูเครนอยู่ในสถานะหลังชนฝาส่อแพ้หมดรูป
นักข่าวสหรัฐซึ่งเชี่ยวชาญและวิเคราะห์ข่าวการเมืองโลกมายาวนานออกมาเตือนแรงๆว่า ควรระวังยูเครนอาจใช้สารเคมีทำลายล้าง เพื่อทำลายกองทัพรัสเซียเมื่อถูกต้อนจนเข้ามุม และเฉ่งองค์กรห้ามอาวุธเคมีว่าไม่เป็นกลางรับใช้วอชิงตัน
วันที่ ๑๑ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า มอสโกว์ได้แจ้งกับองค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) เกี่ยวกับการเตรียมการของยูเครนในการยั่วยุโจมตีด้วยสารเคมี ที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนสลาฟยันสกายา ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ (DPR) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่เรื่องเงียบงัน ทำให้นักข่าวสหรัฐที่เกาะติดเรื่องออกมาโวยว่าการตอบสนองของ OPCW ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือขององค์กร
แม็กซ์ พาร์รี่ (Max Parry) นักข่าวอิสระและนักวิเคราะห์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯ เตือนว่า เคียฟอาจหันไปใช้การยั่วยุด้วยสารเคมี เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนว่ากองทัพยูเครนกำลังสูญเสียและถอยร่นในการสู้รบในยุทธภูมิ และยิ่งหมดหวังที่จะรักษาการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ตามการระบุของ“เมื่อถึงจุดหนึ่ง สหรัฐฯ กำลังจะปลดตัวเอง และเคียฟอาจใช้มาตรการสุดท้ายเพื่อรักษาความช่วยเหลือทางทหารจากตะวันตกเมื่อเริ่มละทิ้งพวกเขา” แพร์รี กล่าว “มีแบบอย่างสำหรับเรื่องนี้ในโรงละครอื่นของสงครามตัวแทนนาโต-รัสเซีย เมื่อฝ่ายค้านซีเรียถอยกลับไปใช้ธงเท็จดังกล่าวเมื่อดามัสกัสหันมุมในสงครามซีเรียหลังจากการแทรกแซงของรัสเซีย และเราสามารถมองเห็นพวกหัวรุนแรงได้เป็นอย่างดี กลุ่มต่างๆ ในยูเครน เช่น กองพัน Azov ใช้กลวิธีหลอกลวงเช่นนี้”
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้นี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเป็นกลางของ OPCW ตามที่นักข่าวระบุ นักข่าวตั้งข้อสังเกตว่า มีการโจมตีตามแบบแผนหลายครั้งในยูเครน ซึ่งกล่าวหาว่ารัสเซียโดยไม่มีหลักฐาน เขาอ้างถึงข้อกล่าวหาการวางระเบิดในโรงเรียนและโรงพยาบาล รวมถึงการยั่วยุเหตุการณ์สังหารในเมืองบูชา(Bucha) ซึ่งจัดทำโดยกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงยูเครน เพื่อกล่าวหามอสโกว์ว่ากำหนดเป้าหมายไปยังพลเรือน โดยแต่ละครั้ง รัฐบาลตะวันตกและสื่อกระแสหลักจะโหมข่าวตำหนิรัสเซียต่อเนื่อง“
พาร์รี่กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา OPCW ถูกเปิดเผยว่าเป็นองค์กรที่ไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง ซึ่งทำหน้าที่ตามคำสั่งของวัตถุประสงค์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ครอบงำอย่างสมบูรณ์ และแน่นอนว่าไม่ใช่หน่วยเฝ้าระวังที่เป็นกลางที่ทำงานเพื่อโลกที่ปราศจากสงครามเชื้อโรค”
ประเด็นน่าวิตกนี้ไม่ได้รับการสนใจจากสื่อตะวันตกแม้แต่น้อย ในขณะที่การเคลื่อนไหวในสนามรบเป็นไปอย่างดุเดือด ระยะนี้ข่าวสารตะวันตกจะโหมกระแสรัสเซียปูพรมไม่เลือกเป้าหมาย ทำให้บ้านเรือนและประชาชนยูเครนเสียชีวิตมาก ในขณะที่ ยูเครนยิงจรวดใส่โดเนตสก์ที่ได้รับจากตะวันตก บ่อยขึ้นไม่มีรายงาน ไม่ว่าการโจมตีโดยตรงจะส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บแค่ไหนจะมีแต่ในรายงานของช่องข่าวรัสเซียเท่านั้น ล่าสุดกองกำลังยูเครนใช้จรวด BM-21 รุ่นแกรด(Grad) โจมตีหมู่บ้านโนโวบัคมูติฟกา (Novobakhmutivka) ในภูมิภาคโดเนตสค์เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ ๑๐ ก.ค.ที่ผ่านมา
ศูนย์ร่วมเพื่อควบคุมและประสานงานในระบอบหยุดยิง ( JCCC) ของโดเนตสก์รายงานว่า จรวดหกลำถูกปล่อยออกจาก BM-21 ‘Grad’ กระสุนขนาด ๑๕๒ มม. สามนัดถูกยิงไปตกในโนโวบัคมูติฟกา บ้านเรือนเสียหายยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเรียกว่า กองทัพยูเครนใช้จรวดมุ่งถล่มไปที่โดเนตสก์เป็นหลัก หลังจากถอนกำลังออกมา และหยุดโจมตีชายแดนรัสเซียมาระยะหนึ่ง
นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมาวอชิงตันกลายเป็นซัพพลายเออร์อาวุธชั้นนำของเคียฟ ตามตัวเลขล่าสุดโดยสถาบันคีเอล (Kiel) ระบุว่าสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้เงินช่วยเหลือทางทหารจำนวน ๖,๓๗๐ ล้านยูโรแก่เคียฟ และได้ส่งมอบจริงไปแล้วประมาณ ๒,๔๔๐ พันล้านยูโรในความช่วยเหลือทางทหาร
ถึงขณะนี้ตามสถิติตัวเลขดังกล่าวรายงานถึง”การส่งมอบที่เปิดเผย”เท่านั้น และขนาดจริงของฮาร์ดแวร์ที่จัดส่งอาจมีขนาดใหญ่กว่า เนื่องจากอุปกรณ์บางอย่างอาจมาถึงอย่างลับๆ
อย่างไรก็ตามมอสโกว์ได้เตือนหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้ตะวันตกจัดหาอาวุธให้กับเคียฟเพิ่ม เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้ยูเครนเป็นชนะได้ แต่จะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อและนำไปสู่ผลเชิงลบในระยะยาวกับทุกฝ่าย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักการทูตระดับสูงของรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวว่า การที่สหรัฐและนาโต้ยังคง “เพิ่มพูน”อาวุธให้กับยูเครน มีแต่จะกระตุ้นให้รัสเซีย“ปฏิบัติภารกิจภาคพื้นดินมากขึ้น” โดยไม่มีความตั้งใจในเปิดช่องการเจรจาเพื่อสันติภาพแต่อย่างใด
จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ในสมรภูมิสู้รบ ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด และเบื้องหลังมีการตระเตรียมทางการทหารทั้งฝ่าย ตะวันตกและรัสเซียอย่างไม่อาจซ่อนเร้น ทั้งด้านกำลังรบ อาวุธยุทโธปกรณ์ ท่ามกลางกระแสกดดันทางเศรษฐกิจทั้งสหรัฐและยุโรป และความโกลาหลวุ่นวายในหลายประเทศ บรรยากาศเช่นนี้คือกลิ่นไอของปัจจัยแห่งสงคราม ที่ถูกจุดขึ้นในหลายพื้นที่ พร้อมๆกับภาพปะทะในสงครามยูเครนที่กำลังยกระดับเข้มข้นขึ้น ต้องจับตาว่าผู้สนับสนุนหลักของยูเครนจะเลือกจุดวาบไฟพื้นที่ไหนเปิดฉากสงครามใหญ่ ล้างปัญหาวิกฤติของตนเอง???