จากกรณีที่มีข้อมูลเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีให้มีการส่งมอบสิ่งของและบริการของสหรัฐฯ โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติของรัฐสภาในยามฉุกเฉินหรือ พีดีเอ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่แก่ยูเครนมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นความช่วยเหลือครั้งที่ 15 นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2564 รวมมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยอาวุธชุดใหม่ที่กำลังจะมีการจัดส่งให้กับยูเครน จะรวมถึงระบบยิงจรวดปืนใหญ่คล่องตัวสูงเอ็ม 142 หรือเครื่องยิงขีปนาวุธหลายลำกล้อง “ไฮมาร์ส” (HIMARS) จำนวน 4 เครื่อง ซึ่งเดิมยูเครนมีระบบไฮมาร์สอยู่แล้ว 8 เครื่อง รวมเป็น 12 เครื่อง และกระสุนปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ขนาด 155 มม. อีก 1,000 ลูก ซึ่งยูเครนมีกระสุนปืนใหญ่ชนิดนี้อยู่ในคลังจำนวนมาก
ส่วนความคืบหน้าของสถานการณ์ในยูเครน เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียระดมโจมตีหลายพื้นที่ของเมืองคาร์คิฟ ที่อยู่ทางตอนเหนือ เมืองมีโคไลฟและเมืองครีวี รีห์ที่อยู่ทางใต้ เพื่อตัดเส้นทางหลักสู่เมืองโอเดสซา ศูนย์กลางการส่งออกของยูเครน นอกจากนี้กองทัพเรือรัสเซียยังคงขัดขวางไม่ให้ยูเครนขนส่งธัญพืชออกจากโอเดสซา
นอกจากนี้ตำรวจในภูมิภาค ยังกล่าวหาว่ารัสเซียจงใจทำลายพืชผล โดยมีการเผยแพร่ภาพผ่านทางเฟซบุ๊กเป็นภาพการเผาไหม้ทุ่งข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และธัญพืชอื่น ๆ กับมีการทำลายยุ้งฉางและอุปกรณ์การเกษตร ขณะที่กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย เปิดเผยว่า กองทัพทำลายโรงเก็บเครื่องบิน ซึ่งเก็บปืนครก M777 ของสหรัฐฯ ในเมืองชาซิฟ ยาร์ ใกล้เมืองครามาเทิร์สค์ ซึ่งเป็นเป้าหมายต่อไปของกองทัพรัสเซียในปฏิบัติการปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาส
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กองทัพรัสเซีย สามารถบุกทำลายแหล่งซุกซ่อนอาวุธของยูเครนได้อย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อรอยเตอร์เปิดเผย ว่า รัสเซียถล่มโรงเก็บปืนใหญ่ M777 ถึง 2 แห่ง ที่สหรัฐมอบให้ยูเครน ที่เมืองคอนสะแตนติโนว่า ในแคว้นโดเนสต์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ ทหารมะกันจำนวนมากที่เคยมาช่วยรบ ก็ต้องหัวเสียกับการรบที่ไม่เก่งของทหารยูเครน และมีการแฉข้อมูลว่า ทหารยูเครน ปล่อยให้กองทัพรัสเซียยึดอาวุธไปแบบนับไม่ถ้วน จนรัสเซียเอง สามารถนำอาวุธเหล่านั้น ที่มีการทำลาย ไปจัดนิทรรศการสั่งสอนนาโตด้วย