ความคืบหน้าของสถานการณ์สู้รบในยูเครนนั้น รัสเซียยังเป็นฝ่ายมีแต้มต่อทั้งในแง่ยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี กองทัพรัสเซียสามารถเดินหน้ายึดกุมพื้นที่ภูมิภาคดอนบาสได้ตามเป้าหมาย ทั้งอาณาเขตลูฮันสก์ และโดเนตสก์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างสู้รบดุเดือดเพื่อปลดปล่อยแคว้นโดเนตสก์ในพื้นที่ควบคุมของยูเครนให้เบ็ดเสร็จ ขณะที่เริ่มฟื้นฟูเมืองต่างๆทั้งมาริอูโปล ซีวีโรโดเนตสก์ และอื่นๆ
ล่าสุดผู้นำรัสเซียกล่าวในที่ประชุมรัฐสภาว่า การปฏิบัติการพิเศษทางทหารที่เพิ่งเริ่มในยูเครนเป็นปฐมบทแห่งการพังทลายของระเบียบโลกเก่า ที่จะไม่หวนคืนอีกแล้ว และท้าสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกให้เปิดหน้าเล่นแบบแมนๆ เอาชนะกองทัพพญาหมีขาวในสมรภูมิรบให้ได้อย่ามัวเป็นอีแอบเล่นสงครามตัวแทน แต่เขายืนยันว่ามอสโกว์ยังคงเปิดกว้างสำหรับความคิดเจรจาสันติภาพหากต.ต.ต้องการ ขณะเดียวกัน ทางสภาดูมาได้ผ่านกฎหมาย เพื่อเปิดทางผู้นำสามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จควบคุมการผลิตยุทธปัจจัยโดยเอกชนเพื่อป้อนกองทัพ เมื่อสถานการณ์สงครามใหญ่ปะทุขึ้น
วันที่ ๘ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย กล่าวปราศรัยกับสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๗ ก.ค.ที่ผ่านมาว่า “เราได้ยินมาว่าวันนี้ตะวันตกต้องการให้เราพ่ายแพ้ในสนามรบ แล้วฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ? ให้พวกเขาลองดู เรายังไม่ได้เริ่มอะไรเลย”
เขากล่าว “เราได้ยินหลายต่อหลายครั้งว่าตะวันตกต้องการสู้กับเราจนกว่าจะเหลือชาวยูเครนคนสุดท้าย นี่มันเป็นโศกนาฎกรรมสำหรับประชาชนชาวยูเครนโดยแท้”
อย่างไรก็ตาม ระหว่างกล่าวกับบรรดาผู้นำในรัฐสภา ท่างกลางสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า ๔ เดือน ปูตินยืนยันว่ามอสโกว์ยังคงเปิดกว้างสำหรับความคิดเจรจาสันติภาพ แต่เตือนว่าแนวโน้มของการเจรจาใดๆ จะมืดมนมากขึ้นหากสงครามลากยาวออกไป
ปูตินกล่าวว่า “เราไม่ได้ปฏิเสธที่จะเจรจาสันติภาพ แต่ผู้ที่ปฏิเสธคือตะวันตก และควรรู้ว่ายิ่งพวกเขาสู้นานเท่าไหร่ การเจรจาก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น”
สหรัฐและสมาชิกนาโต้กำลังทำสงครามตัวแทนกับรัสเซีย ทั้งพยายามทุบทำลายเศรษฐกิจด้วยมาตรการคว่ำบาตรและยกระดับจัดหาอาวุธล้ำสมัยแก่ยูเครนซึ่งปูตินและทีม เตือนมาตลอดว่าทำได้แค่ยื้อเวลาให้สงครามยืดเยื้อ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเกมสู้รบไปสู่ชัยชนะได้
ปธน.ตำหนิความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ โดยเน้นว่าความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัสเซียในการสร้างระบบความมั่นคงระหว่างประเทศที่ยุติธรรมนั้นตกอยู่ในอันตราย
ปูตินกล่าวว่า“ความคิดริเริ่มในการทำงานร่วมกันในการป้องกันขีปนาวุธได้รับการปฏิเสธ คำเตือนเกี่ยวกับความไม่สามารถยอมรับการขยายตัวของ NATO โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายของอดีตสาธารณรัฐโซเวียตที่คั่งค้างอยู่ ถูกเพิกเฉย”
ปูตินยอมรับว่า เป้าหมายของตะวันตกคือการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ แต่ในระดับยุทธศาสตร์ ฝ่ายตะวันตกพ่ายแพ้ไปแล้วเมื่อมอสโกเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
ปูตินระบุว่า “พวกเขาควรจะตระหนักว่าพวกเขาพ่ายแพ้ไปแล้วตั้งแต่เริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารพิเศษของเรา เพราะการเริ่มต้นนั้นยังหมายถึงจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของระเบียบโลกเก่าของอเมริกาโดยสิ้นเชิง และการพังทลายระเบียบโลกเก่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่สามารถหยุดยั้งได้”
แม้จะเปิดทางเจรจาสันติภาพ แต่ปูตินย่อมรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะข้างหลังยูเครนคือนาโต้ที่ต้องการทำลายรัสเซียทุกมิติ จึงมีการเตรียมการในการรับมือสถานการณ์สงครามใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์และไฟแนนเชียลไทมส์ค่ายตะวันตกรายงานต่อเนื่อง เรื่องสภาดูมารัสเซีย ได้ผ่านโหวตร่างกฎหมาย ๒ ฉบับเปิดทางให้รัฐบาลเครมลิน สามารถมีอำนาจสั่งให้เอกชนป้อนยุทธปัจจัยให้กับกองทัพระหว่างทำศึกเมื่อเกิดสภาวะสงครามยืดเยื้อ หรือขยายวงกว้างไปยังส่วนอื่นๆของโลก
โดยในคำอธิบายที่เพิ่มเติมสำหรับกฎหมายฉบับนี้กล่าวว่า กองทัพรัสเซียต้องการวัสดุใหม่และยุทโธปกรณ์ที่ต้องได้รับการซ่อมแซม เพื่อปฎิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครน
และกฎหมายฉบับที่ ๒ ที่ได้รับการผ่านในสภาล่างดูมารัสเซียกล่าวว่า จะแก้ไขกฎหมายแรงงานรัสเซียใหม่เพื่อให้อำนาจรัฐบาลเครมลินสามารถควบคุมชั่วโมงการทำงานของแรงงานและวันหยุดของแรงงานที่บริษัทต่างๆกำหนดไว้
รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ยูริ บอริซอฟ (Yuri Borisov) กล่าวกับสภาดูมา เมื่อวันอังคารที่ ๕ ก.ค.ที่ผ่านมา มีใจความว่า “ภาระที่ยากลำบากต่ออุตสาหกรรมการป้องกันประเทศรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” และชี้ว่า “ในการที่จะให้หลักประกันสำหรับยุทธปัจจัยอาวุธและกระสุนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้มีการทำงานของอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศสูงสุดและเอกชนทำงานในความร่วมมือในอุตสาหกรรมการปกป้องประเทศ”
ซึ่งมาถึงเวลานี้ เศรษฐกิจรัสเซียยังคงแข็งแกร่งฝ่าแรงต้านของสหรัฐและตะวันตกจากอานิสงค์ของราคาพลังงาน ทั้งน้ำมัน, แก๊สธรรมชาติและถ่านหินที่ถีบตัวสูงขึ้นส่งผลทำให้มาตรการคว่ำบาตรจากโลกตะวันตกส่งผลน้อยต่อระบบเศรษฐกิจและทำเงินจำนวนมหาศาลให้กับรัสเซีย โดยรายได้อู้ฟู่นี้ทำให้ได้เปรียบดุลการค้า และค่าเงินรูเบิลเข้มแข็งที่สุดในโลก จนต้องจัดมาตรการทางเศรษฐกิจมาลดค่าเงินลงเพื่อประโยชน์ทางการส่งออก ในขณะที่ค่าเงินของทุกประเทศทั่วโลกที่ผูกค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่ำสุดไม่เว้นพันธมิตรที่สั่งซื้อสินค้าของรัสเซีย
นอกจากนี้รัสเซียยังขุดเจอบ่อทองคำใหม่มูลค่ามหาศาลอีก เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจแข็งแรงแบบนี้ ทำให้รัฐบาลสามารถนำเงินมาอุ้มเศรษฐกิจในประเทศและกองทัพรัสเซียได้อย่างเต็มที่พร้อมสู้รบในทุกสถานการณ์ ท่ามกลางการเดินสายกระชับมิตร ในหมู่พลังอำนาจหลายขั้วท้าทายมหาอำนาจเก่าอย่างสหรัฐและตะวันตกที่นับถอยหลังสู่ความล่มสลาย!!!