ม็อบแรงงานพ่นพิษ! 3สายการบินยุโรปนำร่องล้มละลายแล้ว ต้องบินอ้อมขั้วโลกเหนือ

0

จากที่วันนี้ 08 กรกฏาคม 2565 เพจWorld Update ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่ถึงสถานการณ์ในยุโรปหลายประเทศเกิดการชุมนุมประท้วงหยุดงานเรื่องจากค่าครองชีพที่สูง ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการร่วมกันคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย

ทั้งนี้เพจ World Update ได้ระบุแหล่งที่มาของข้อมูลคือ  Eturbonews , Infoqust , Btime และ กลาโหมรัสเซีย โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจว่า “ยุโรป ชนะแน่แล้ว! สายการบินแห่งชาติสวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ล้มละลายพังยับ

ด้วยสหภาพยุโรป (EU) ประกาศคว่ำบาตรเครื่องบินพาณิชย์ และกำหนดห้ามเครื่องบินโดยสารสายการบินรัสเซีย บินผ่านน่านฟ้าของตนก่อน รัสเซีย ก็สวนกลับบ้างโดยห้ามเครื่องบินโดยสารสายการบินยุโรป และชาติที่มีรายชื่อไม่เป็นมิตรต่อรัสเซียบินผ่านน่านฟ้า ส่วนชาติไหนจะบินผ่านยูเครน ก็ตามสะดวก

โดยรัสเซียใช้ระบบนำร่อง Navigation Glonass , สหรัฐ และพันธมิตรใช้ระบบนำร่อง GPS และยุโรปใช้ระบบ Galileo แต่ด้วยระบบดาวเทียมของรัสเซียสามารถครองท้องฟ้าโดยแจมสัญญาณ GPS และ Galileo ของชาติตะวันตกได้ ป้องกันเครื่องบินทางทหาร NATO มิให้บินผ่านน่านฟ้า และป้องกันขีปนาวุธจาก NATO ลอบยิงใส่รัสเซีย

ดังนั้นหากเครื่องบิน หรือขีปนาวุธแปลกปลอมในระยะสูงเหนือท้องฟ้ายูเครนและรัสเซีย จะเกิดอาการ หลงทิศ และหลงความสูง ระบบนำร่องผิดปกติและตกลงโหม่งโลกได้ นี่คือเหตุผลสำคัญที่สหรัฐ และ NATO ไม่กล้าประกาศเขตห้ามบินตามที่รัฐบาลยูเครนต้องการ เพราะในทางปฏิบัติทำไม่ได้จริงนั่นเอง

ระบบนำร่อง Glonass นี้ยังมีผลต่อสายการบินพาณิชย์โดยสารด้วย แค่บินเฉียดน่านฟ้ายูเครน ระบบอิเล็กทรอนิกส์เครื่องบินจะถูกรบกวนจนปั่นป่วน จนต้องหันเครื่องหนีโดยด่วน  ทำให้รัสเซีย สามารถ ควบคุมเส้นทางเครื่องบินพาณิชย์ส่วนใหญ่ของโลกได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ด้วยน่านฟ้าของรัสเซียนั้นกว้างใหญ่กว่าทวีปยุโรปหลายเท่า กินพื้นที่โลกจำนวนมาก ส่งผลให้เครื่องบินพาณิชย์ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีไต้ ออสเตรเลีย ฯลฯ ต้องบินอ้อมน่านฟ้ารัสเซียใช้เวลายาวนานไปอีก เพราะหวาดกลัวระบบแจมสัญญานนี้

ไม่มีสายการบินชาติที่ไม่เป็นมิตรรัสเซียใดกล้าเสี่ยงบินล้ำน่านฟ้า  จำต้องกัดฟันบินอ้อมไปขั้วโลกเหนือก่อน หรือบินอ้อมมาทางเอเชียไต้ ทำให้สายการบินชาติตะวันตก และพันธมิตร ขาดทุนกันบักโกรกยับเยินจากค่าพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าสึกหรอซ่อมบำรุง ค่าจ้างพนักงาน ค่าธรรมเนียมสนามบินจุดพักเครื่อง และค่าใช้จ่ายสารพัดเพิ่มขึ้น ฯลฯ

ผลพวงใหญ่มากอีกอย่างภายหลัง EU คว่ำบาตรรัสเซีย คือ พลังงานน้ำมันขาดแคลน ส่งผลให้ราคาต้นทุนสินค้าบริการแพงขึ้น เกิดอัตราเงินเฟ้อสูงในสหภาพยุโรป สหภาพแรงงานต่างๆ แทบทุกประเทศต่างนัดหยุดงานเพื่อต่อรองอัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้นให้ใกล้เคียงอัตราเงินเฟ้อ หนึ่งในสหภาพแรงงานนั้นคือบรรดาสายการบินในยุโรป ส่งผลเคราะห์ร้ายต่อการเดินทางประชาชน นักท่องเที่ยว ธุรกิจ เสียหายฟ้องร้องกันอุตลุด กลายเป็น ระเบิดนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ ที่รัสเซีย โยนใส่ EU ลูกแรก สร้างวิกฤติเศรษฐกิจถอดถอยรุนแรงกว่าระเบิดจริงเสียอีก

ล่าสุดสร้างความช็อคไปทั้งยุโรป เมื่อสายการบิน Scandinavian Airlines System  Denmark-Norway-Sweden (SAS) สายการบินเก่าแก่แห่งชาติสวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก ได้ประกาศล้มละลาย และร้องขอต่อศาลในสหรัฐ เพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์สินตามมาตรา 11

โดยนายแองโค แวน เดอร์ เวิร์ฟฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบิน SAS ให้เหตุว่า การผละงานประท้วงของพนักงานสายการบินเอง เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการตัดสินใจประกาศล้มละลายทางธุรกิจสายการบิน หนี้สินสะสมในปัจจุบันราว  2,800 ล้านดอลลาร์ (กว่า 100,800 ล้านบาท) มีดุลบัญชีเงินสดกว่า 1,083 ล้านดอลลาร์ (39,000 ล้านบาท)

การคว่ำบาตรนัดหยุดงานประท้วงของพนักงานเป็นผลจากการขอขึ้นเงินเดือน  และประเด็นที่สร้างความไม่พอใจให้นักบินและพนักสายการบินในยุโรป หัวร้อนและไม่พอมาก คือ การนำนักบินและพนักงานจากโมร็อคโก ทวีปแอฟริกา มาเสียบแทน เมื่อต้นเดือน ก.ค.2022 ผลการเจรจาที่เผ็ดร้อนระหว่างผู้บริหารกับนักบินล้มเหลว ท่ามกลางปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับลูกค้า หรือ ผู้โดยสารของสายการบิน SAS ที่มีเที่ยวบินจำกัดไม่สามารถให้บริการเที่ยวบินได้อย่างเพียงพอกับปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางในช่วงฤดูร้อนที่เริ่มต้นขึ้น

ความเสียหายจากการคว่ำบาตรนัดหยุดงานประท้วงของนักบินและพนักงานในสายงานอื่นๆ ส่งผลให้เกิดความเสียหายสูงถึงวันละ 10-13 ล้านดอลลาร์/วัน (กว่า 360-468 ล้านบาท)  กระทบผู้โดยสารมากถึง 30,000 คน/วัน

ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบิน SAS ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากถึง 232 เที่ยวบิน หรือ 77% ของตารางการบินทั้งหมด หากการคว่ำบาตรประท้วงไม่ยุติโดยเร็ว จะทำให้กระแสเงินสดมากถึง 50% ของทั้งหมดที่สายการบินมีอยู่ในขณะนี้ เสียหายในช่วง 4-5 สัปดาห์

ดังนั้นการประกาศล้มละลาย และขอพิทักษ์ทรัพย์สินตามมาตรา 11 นั้น จะทำให้สายการบินมีข้ออ้างในการปลดพนักงานได้ง่ายมากขึ้น และยุติแบกรับหนี้ก้อนใหญ่ ขอเจรจาผัดผ่อนเจ้าหนี้ของสายการบินซึ่งจะได้คืนไม่ครบ 100% เกิดขาดสภาพคล่องต่อทุนของเจ้าหนี้ก่อปัญหาต่ออีก และจะเกิดการตกงานตามมามากมาย

สรุป ยุโรป เจอรัสเซียโยนระเบิดนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจใส่ตูมแรกเกิด พายุทอร์นาโดล้มละลาย เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และจะเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งตามมาอีกมาก”