จากกรณีที่มีรายงานจากสื่อรอยเตอร์ส ออกมาระบุ เมื่อเดือนมิ.ย. 2565 ว่า รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ใช้สิทธิยับยั้ง (veto) คำร้องของเดนมาร์ก ที่ขอให้ส่งรถลำเลียงพลหุ้มเกราะที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ ไปให้กับยูเครน โดยสวิตเซอร์แลนด์ให้เหตุผลเรื่องนโยบายความเป็นกลาง ซึ่งจะไม่จัดหาอาวุธส่งไปยังพื้นที่ขัดแย้ง
โดยก่อนหน้านี้ สื่อท้องถิ่นสวิตเซอร์แลนด์รายงานว่า สำนักเลขาธิการกิจการเศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์ (SECO) ของสวิตเซอร์แลนด์ ปฏิเสธข้อเสนอของเดนมาร์กที่ขอให้จัดหารถรบทหารราบจำนวน 20 คัน ให้กับยูเครน แม้ว่า SECO ยังไม่แสดงความเห็นใดต่อเรื่องนี้ แต่สวิตเซอร์แลนด์นั้น ขึ้นชื่อด้านความเป็นกลางกำหนดให้ต่างชาติที่ซื้ออาวุธจากสวิตเซอร์แลนด์ ต้องขออนุญาตก่อนส่งอาวุธที่ซื้อออกนอกประเทศ ทั้งนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สวิตเซอร์แลนด์ใช้สิทธิยับยั้งไม่ให้เยอรมนีส่งรถถังต่อต้านอากาศยานไปยังยูเครน นอกจากนี้ยังปฏิเสธไม่ให้โปแลนด์ส่งอาวุธไปช่วยเพื่อนบ้านอย่างยูเครนด้วย
ล่าสุดมีรายงานใหม่จากสื่อ theguardian ด้วยว่า สวิตเซอร์แลนด์ขัดขืนแผนการของยูเครนในการยึดทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกแช่แข็ง ซึ่งประธานาธิบดีกล่าวว่าการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินจะเป็นแบบอย่างที่เป็นอันตรายและจำเป็นต้องให้เหตุผลทางกฎหมาย
ยูเครนวางแผนที่จะยึดทรัพย์สินของรัสเซียที่แช่แข็งมากถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (418 พันล้านปอนด์) เพื่อเป็นทุนในการฟื้นฟูประเทศ แต่ต้องพบกับการต่อต้านอย่างหนักจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติเพื่อฟื้นฟูยูเครน
อิกนาซิโอ แคสซิส (Ignazio Cassis) ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ ปฏิเสธแผนดังกล่าว โดยกล่าวว่าการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินเป็นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม เขาเน้นย้ำในการแถลงข่าวปิดการประชุมเกี่ยวกับความรู้สึกไม่สบายใจของผู้นำบางคนที่มีข้อเสนอให้ยึดทรัพย์สินของรัสเซียจะเป็นแบบอย่างที่เป็นอันตรายและจำเป็นต้องใช้เหตุผลทางกฎหมายที่เฉพาะเจาะจง
“สิทธิในการเป็นเจ้าของ สิทธิในทรัพย์สินเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน” เขากล่าวในลูกาโนซึ่งเป็นสาถานที่จัดงาน และเสริมว่าสิทธิดังกล่าวอาจถูกละเมิดได้ เช่นเดียวกับที่พวกเขามีในช่วงการระบาดใหญ่ แต่ตราบใดที่มีการคุ้มครองจากพื้นฐานทางกฎหมาย
