หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือร่วมกับ นายหวัง อี้ (H.E. Mr. Wang Yi) มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย พร้อมพัฒนาความสัมพันธ์ ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมร่วมกัน
โดยมีสาระสำคัญทั้งเรื่องการค้า และการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ หลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด โดยนายกรัฐมนตรียินดีกับมูลค่าการค้าระหว่างกัน ในเดือนมกราคม – เมษายน 2565 พบว่า การค้าขยายตัวกว่า 20% เป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ และขอบคุณจีนที่ตอบสนองต่อข้อเสนอของไทยในการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าเกษตร ซึ่งสินค้าเกษตรเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 จากไทยไปจีน และได้เสนอให้จีนพิจารณาเร่งรัดการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการนำเข้าผลไม้ในด่านอื่น ๆ ของฝั่งจีน
และนายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนให้จีนพิจารณาเพิ่มการลงทุนในไทย ด้วยศักยภาพจากจุดยุทธศาสตร์ของไทย การเป็นจุดเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งพร้อมรองรับการลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมที่บริษัทของจีนมีศักยภาพ และความเชี่ยวชาญ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมการเกษตร
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา จีนและไทยมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างต่อเนื่อง และจีนก็ยังมีจุดยืนเคียงข้างรัสเซีย ทำให้น่าจับตามองการลงทุนในอนาคต ที่จีนจะดันไทยด้านการส่งออก รวมทั้งไทยยังได้อานิสงส์เรื่องอาหารในตลาดโลก ที่กำลังมีความต้องการมากด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังได้แถลงว่า นายแอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางเยือนไทยในวันเสาร์ที่ 9 ก.ค. หลังจากที่ได้ยกเลิกการเดินทางเยือนไทยในปีที่แล้ว โดยตามกำหนดเดิมนั้น นายบลิงเคนจะเข้าพบนายดอน และเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้งร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนักธุรกิจไทย
ส่วนทางด้นนายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยว่า นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีต่างประเทศจีน จะพบปะกับนายบลิงเคน นอกรอบการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม G20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซียในสัปดาห์นี้