จากกรณีเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2565 นายนิโคไล ปาตรูเชฟ ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย ลงพื้นที่เขตการปกครองคาลินินกราด ดินแดนพ้นชายขอบของรัสเซีย อยู่ริมชายฝั่งทะเลบอลติกติดกับโปแลนด์ทางทิศใต้ และลิทัวเนียทางทิศเหนือ และกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ว่าลิทัวเนียต้องยอมรับกับการกระทำของตัวเอง และ “ผลร้ายแรงที่จะตามมา” ซึ่ง “ประชาชนจะได้รับผลกระทบหนักหน่วง”
โดยลิทัวเนียระงับขบวนรถไฟจากคาลินินกราด หากเป็นการขนส่งสินค้าทุกชนิดที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรรอบล่าสุดของสหภาพยุโรป ( อียู ) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันเสาร์ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยสินค้าที่อยู่ในบัญชีดำครั้งใหม่นี้ รวมถึงถ่านหิน เหล็ก อุปกรณ์ก่อสร้าง และสินค้าด้านเทคโนโลยีด้วย
ทั้งนี้ได้มีการวิเคราะห์ของนักวิชาการหลายท่าน มองว่า ลิทัวเนีย คือสุนัขผู้ซื่อสัตว์ของสหรัฐ นายกฯ จีนเคยพูดไว้ ล่าสุดสหรัฐขู่ใช้มาตรา 5 ของนาโต ถ้ารัสเซียเปิดศึกกับขี้ข้าอย่างลิทัวเนีย ว่าแต่สหรัฐก็เห่าอย่างนี้ไปเรื่อย เชื่ออย่างหนึ่งว่าสหรัฐไม่กล้าเปิดหน้าชนกับรัสเซียโดยตรงหรอก ถ้ากล้า มันคงเปิดไปนานแล้ว คงไม่หลอกใช้ยูเครนเป็นสนามรบแทนหรอก
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก Around the war world รอบโลกสงคราม ได้รายงานว่า ในบรรดาสมาชิก NATO ชาติที่เล็กที่สุดมักจะก้าวร้าวมากที่สุด นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขารู้ว่า จะไม่ถูกเรียกให้เข้าร่วมสงครามใด ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้ก่อขึ้น เนื่องจากพวกเขามีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะสร้างความแตกต่าง
ก่อนหน้านี้ลิทัวเนียได้บังคับใช้กฎหมายเพื่อปิดล้อมคาลินินกราด โดยที่กองทัพมีทหารเพียง 8,850 นายและกองหนุน 5,650 นาย มันไม่ใช่เรื่องเเปลกที่ลิทัวเนียกำลังโบกผ้าแดงให้กับหมีรัสเซีย เพราะพวกเขาต้องการผลักดัน NATO ให้เข้ามาเผชิญหน้าโดยตรงกับมอสโก ล่าสุดลิทัวเนียได้ส่งมอบ Bayraktar TB2 จำนวน 1 ลำที่ซื้อจากตุรเคียให้กับยูเครน