เมื่อรัสเซียเดินหน้าแตกหักกับตะวันตกและประกาศพร้อมที่จะช่วยสร้างระเบียบโลกใหม่กับพันธมิตรตะวันออกอย่างชัดเจน ทำให้กระแสการต่อสู้ทั้งในสมรภูมิยูเครนและทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างดุเดือดเข้มข้น ล่าสุดรัสเซียเดินสายกระชับสัมพันธ์กับพันธมิตรรอบด้าน ประหนึ่งเตรียมการรับมือสงครามครั้งใหญ่ที่ยากจะหลีกเลี่ยง ภูมิภาคละตินหลังบ้านสหรัฐ รมว.ต่างประเทศเวเนซูเอลามาเยือนเพื่อนที่ช่วยเหลือกันมายาวนานอย่างรัสเซีย เพื่อประสานงานรูปธรรมตามข้อตกลงของปธน.ทั้งสองประเทศ ได้ประกาศยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ทุกด้าน โดยเฉพาะด้านความมั่นคงพลังงานและการทหาร
วันที่ ๕ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย (Sergei Lavrov)ได้ให้การต้อนรับ คาร์ลอส ฟาเรีย รมว.ต่างประเทศเวเนซูเอลา(Venezuelan Foreign Minister Carlos Faria)เดินทางมาเยือนที่มอสโกว์ เมื่อวันที่ ๔ ก.ค.ที่ผ่านมา
มอสโกว์และการากัสได้ขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และการป้องกันประเทศอย่างมากในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยที่สหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรอย่างรุนแรงต่อประเทศแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในละตินอเมริกา และพยายามแทรกแซงสร้างการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อพยายามรักษาอิทธิพลของวอชิงตัน
รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลาระบุว่า รัสเซียและเวเนซุเอลาจะขยายความร่วมมือในภาคน้ำมันเพิ่มขึ้น และกำลังทำงานในข้อตกลงใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรด้านการเงินและการขนส่งของตะวันตก
ฟาเรียกล่าวว่า “ความร่วมมือในภาคพลังงาน มันไม่เคยหยุดนิ่งตั้งแต่การสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรา เรากำลังดำเนินการในโครงการเฉพาะกับบริษัทรัสเซีย และกำลังทำงานนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการหลีกเลี่ยง อุปสรรคที่มีอยู่ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกลไกทางการเงิน”
เขาเน้นย้ำถึง “มุมมองเชิงลบอย่างสุดขั้ว” ของการากัสเกี่ยวกับความพยายามของสหรัฐฯ ในการกดดันการคว่ำบาตรทั้งของรัสเซียและเวเนซูเอลา เขากล่าวว่านโยบายของวอชิงตันกลับส่งผลเสียต่อชาวอเมริกันและชาวยุโรปธรรมดาๆ แทน
เขากล่าวเสริมว่า “เป้าหมายของการคว่ำบาตรเหล่านี้ไม่บรรลุผล นี่เป็นการคำนวณที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง การคำนวณผิดที่ไม่สามารถให้อภัยได้ และปัญหาเลวร้ายที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปประสบอยู่เป็นผลมาจากการคำนวณที่ผิดพลาดนี้ วันนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร จะทำให้ชีวิตกลับคืนสู่สภาพปกติได้อย่างไร และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนของประเทศเหล่านี้อย่างแน่นอน”
รัฐมนตรีต่างประเทศแสดงความหวังว่ามอสโกว์และการากัสจะสามารถเอาชนะสิ่งกีดขวางบนถนนที่เชื่อมโยงกับข้อจำกัดที่สหรัฐฯสร้างขึ้น “เราพบว่าการกระทำของฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมัน เมื่อพวกเขาคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย จึงส่งผลกระทบต่อการลงทุน การจัดหาเงินทุน เงินกู้ และการซื้ออุปกรณ์และอะไหล่ กระบวนการผลิตและห่วงโซอุปทานติดขัด
แต่ระบบการเงินทางเลือกที่รัสเซีย จีน และอินเดียใช้เพื่อหลีกเลี่ยง “การปิดล้อม” ที่ตะวันตกกระทำต่อมอสโกว์เป็นทางออกหนีจากเส้นทางการถูกคว่ำบาตรตามอำเภอใจ ฟาเรียฟันธงว่า “ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังมีปฏิสัมพันธ์กับรัสเซีย และพวกเขาต่างไม่กลัวผลที่จะเกิดขึ้นจากการข่มขู่ของสหรัฐและตะวันตกด้วย”
ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียยังเปิดเผยว่า“ตามที่ปธน.ของเราตกลงกัน เราได้ยืนยันอีกครั้งว่าเรามุ่งเน้นที่การเจรจาทางการเมืองที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และมนุษยธรรม เราตกลงที่จะส่งเสริมโครงการที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงพลังงาน เภสัชกรรม อุตสาหกรรม การขนส่ง และความร่วมมือทางวิชาการทางทหาร”
เขากล่าวว่า “ทั้งสองประเทศได้ใช้ค้อนทุบข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านอวกาศ ซึ่งรัสเซียจะสามารถวางสถานีระบบนำทางด้วยดาวเทียม GLONASS ภาคพื้นดินในเวเนซุเอลาได้ด้วย
รัสเซียและเวเนซุเอลามีความสัมพันธ์อันอบอุ่น ด้วยความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นอย่างมากตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีฮิวโก ซาเวซ (Hugo Chavez) ผู้ล่วงลับ ปธน.ซึ่งเข้ามามีอำนาจในกระแสการปฏิวัติโบลิวาเรีย และเริ่มก่อตั้งการปฏิรูปนโยบายทางสังคม-เศรษฐกิจ การเมือง และการต่างประเทศในวงกว้าง ซึ่งทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างคารากัสกับวอชิงตันตึงเครียดอย่างรุนแรงต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
ปรากฎการณ์ครั้งนี้ย่อมสะท้อนชัดว่า เวเนซูเอลาตัดสินใจแล้ว และไม่กลัวคำขู่ของสหรัฐหรือมาตรการคว่ำบาตรที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาอีกต่อไป เพราะเลือกแล้วจะร่วมมื่อกับพลังอำนาจหลายขั้วของระเบียบโลกใหม่ที่เท่าเทียมและยุติธรรม!!