จากที่สถานการณ์ของขั้วอำนาจเก่าที่นำโดยสหรัฐ และกลุ่มพันธมิตรยุโรปกำลังสุญเสียอำนาจการนำโลก เพราะขั้วอำนาจใหม่ที่นำโดยรัสเซียกับจีน ได้ผนึกรวมมหาอำนาจประเทศน้ำมันกลุ่มตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน ซาอุฯเข้ามาเป็นพันธมิตรนั้น!!!
ล่าสุดเมื่อวันที่ 04 กรกฏภาคม 2565 เพจ World Update ได้รายงานข้อมูลถึงการเดินหน้าสานสัมพันธ์ของขั้วอำนาจใหม่ที่กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่ โดยระบุแหล่งที่มาแหล่งข่าวจาก Bloomberg markets.businessinsider และ Reuters ว่า “สหรัฐ ยุโรป ชนะกุมขมับ! จีน-รัสเซีย ค้าขายกันจนรวยมาก แถมซาอุฯ ซื้อน้ำมันรัสเซีย
สร้างความตกตะลึงให้ฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียว สหรัฐ ยุโรป ที่คว่ำบาตรรัสเซีย ต่อต้านจีน จนบาตรตัวเองแตกไปหมดกระเป๋าแห้งไปตามๆ กัน แต่แทนที่รัสเซีย – จีน จะเดือดร้อน กลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง
เมื่อพบว่าในช่วง 6 เดือนแรกปี 2022 ปริมาณการซื้อขายสินค้าระหว่างธนาคารจากระบบแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ด้วยเงินหยวน-รูเบิล พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุด เป็น 321 ล้านหยวน (48 ล้านดอลลาร์) จากการส่งออกระหว่างกันของจีน กับ รัสเซียเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะยกระดับการซื้อขายของคู่สกุลเงินนี้เพิ่มไปอีก
จีน เดินหน้ายกระดับค่าเงินหยวน ที่มีทองคำค้ำประกันในเวทีการค้าโลกเพื่อให้ชาวโลกพ้นจากการครอบงำของดอลลาร์สหรัฐ ที่พิมพ์เงินออกมาตามใจชอบโดยไร้ทองคำค้ำประกัน ธนาคารแห่งชาติจีนประกาศว่ากำลังพัฒนาเงินทุนสำรองหยวนกับ 5 ประเทศ และธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ เพื่อมาแทนที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มีเงินดอลลาร์จำนวนมาก
รัสเซีย – อินเดีย กลุ่ม BRICS ก็หนุนเงินหยวนจีน เช่นกัน ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของอินเดีย ได้ชำระค่าสินค้าให้รัสเซียเป็นหยวน ข้อตกลงที่คล้ายกันนี้จำนวนมหาศาลจะตามมาในอินเดีย ที่จ่ายเงินหยวนเพื่อการค้าระหว่างประเทศมากที่สุดในรอบ 25 ปีที่ผ่านมาเพื่อหลีกหนีการใช้เงินดอลลาร์ที่ด้อยคุณค่าแท้จริง
ล่าสุดค่าเงินหยวนจีนเพิ่มแข็งขึ้นกว่าปีที่แล้ว 5.44% เป็น 6.70 หยวน/ดอลลาร์ ส่วนเงินรูเบิล นั้น Bloomberg จัดให้เป็นสกุลเงินที่มีประสิทธิมากที่สุดในโลก ราว 53 รูเบิล/ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ทางการเงินถึงขนาดมองว่ามีแนวโน้มจะแข็งค่าไปถึงราว 30 รูเบิล/ดอลลาร์ ในปลายปี 2022
จากรายได้รูเบิลมหาศาลของรัสเซีย ที่ไหลเข้าจากทั่วโลก เป็นผลจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ และไม่ใช่รายได้เทียมหาเงินมาง่ายๆ โดยทำ QE แล้วพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาใช้ตามใจชอบแบบสหรัฐ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรายได้จากสินค้าจริงๆ
และที่ฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียว สหรัฐ ยุโรป ต้องช็อคซ้ำอ้าปากค้างเหวอ คือ ปัจจุบันนี้ “ซาอุดีอาระเบีย นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย” โดยผ่านอียิปต์มากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลล่าสุดจาก Vortexa พบว่า อียิปต์ นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.8 ล้านบาร์เรล ไปที่ท่าเทียบเรือ Ain Sukhna ของอียิปต์ในทะเลแดง ที่ซึ่ง Aramco Trading มีที่เก็บของเพียงพอ
ก่อนที่จะส่งต่อไปยังท่าเรือตะวันตกในดินแดนซาอุดิอาระเบีย นำเข้าน้ำมันรัสเซียที่อียิปต์ตุนไว้มากถึง 3.2 ล้านบาร์เรล เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้า ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี การนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพิ่มขึ้นนั้นเนื่องจากซาอุฯ มักจะเพิ่มความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากอุณหภูมิที่แผดเผา
ด้านยุโรป ก็น้ำท่วมปากเพราะต้องพึ่งพิงอียิปต์ ในการสร้างโรงงานบรรจุก๊าซ LNG จากอิสราเอล ราว 10% ที่เคยซื้อจากรัสเซีย และจ่ายเงินให้อียิปต์ไปแล้วกว่า 400 ล้านยูโร ขืนมีปัญหากับอิยิปต์ ก็สูญเงินเปล่า และไม่ได้ก๊าซใช้ในอีกหลายปีข้างหน้าหลังโรงงานอัดก๊าซเหลวสร้างเสร็จ
ส่วนสหรัฐ นั้นยิ่งไปกันใหญ่ไม่กล้ามีปัญหากับซาอุฯ เพราะต้องนำเข้าน้ำมันจากซาอุฯ ไปใช้ในประเทศ และวนกลับเอามาขายต่อยุโรป กินส่วนต่างกำไรอีกที แค่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ จะมองสบตา มกุฎราชกุมารซาอุฯ ยังไม่กล้า เพราะเคยพูดดูหมิ่นพระองค์ไว้อย่างรุนแรง จนไม่ยอมรับสายด่วน ไม่ยอมรับนัดให้เข้าพบจนถึงบัดนี้
ในทางกลับกันราชวงศ์ ซาอุดิอาระเบีย กับ ราชวงศ์สหรัฐอาหรับอิมิเรต (UAE) กลับมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่อยู่กลุ่ม OpecPlus ผู้ร่วมกำหนด Supply และราคาน้ำมันโลก โดยมีจีนคอยเป็นกาวใจระหว่างอิหร่าน กับซาอุฯ ที่ผลการเจรจาเป็นบวกจะกลับมาฟื้นสัมพันธ์กันในรอบหลายทศวรรษ จูงมือกันเข้าร่วมจัดระเบียบโลกใหม่”