ซัดเจ็บ! ดร.ปฐมพงษ์ ฟาดนักการเมืองไทย แสดงท่าทีเป็นลูกน้องอเมริกา? แกว่งปากยุไทยทะเลาะเมียนมา?
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ พรรคการเมืองที่แสดงท่าทีเป็นลูกน้องอเมริกา?: โดยบอกว่า
ผมเคยเสนอแนะให้รัฐบาลหันไปผูกมิตรกับรัสเซียและจีนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรัสเซีย ก็เพราะว่าประเทศไทยถูกล้างสมองให้เชื่อฟังอเมริกาอย่างเซื่องๆมาโดยตลอด
ข้อสำคัญ อเมริกาเคยใช้สงครามพันทาง ล้มรัฐบาลประเทศอื่นมาแล้วหลายรัฐบาล ถ้าสักวันข้างหน้า มีต่างชาติคิดอยากเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทย มีนักการเมืองไทย พรรคการเมืองไทยและชาวไทยจำนวนมากที่ถูกล้างสมองด้วยสื่อเทียมและหนังฮอลลีวู้ดเข้าไปช่วยเหลือ ความมั่นคงของสถาบันของไทยจะมีปัญหา
ในขณะที่รัสเซียและจีนไม่เคยคิดก้าวก่ายการเมืองไทย ถ้าเป็นมิตรกับรัสเซียแล้วถูกชาตินักล่าอาณานิคมทำลาย ขอให้รัสเซียช่วย รัสเซียก็ยินดีจะช่วยเหมือนที่รัสเซียกำลังช่วยซีเรียกวาดล้างอิทธิพลอเมริกาอยู่ในขณะนี้
ข่าวข้างล่างนี้ บ่งชี้ได้ชัดว่าคงมีนักการเมืองไทยไม่น้อย และอาจจะมีพรรคการเมืองหลายพรรคที่ภักดีต่ออเมริกา และพยายามผลักรัฐบาลไทยให้เดินตามยุทธศาสตร์ที่อเมริกาอยากให้เป็น กล่าวคือทะเลาะกับเมียนมาร์ เป็นเครื่องมือของอเมริกาในการต่อต้านจีนและรัสเซียไปด้วย
ขณะนี้ สายโปรอเมริกากำลังทำงานได้ผล บีบรัฐบาลไทยให้หันไปนิยมอาวุธอเมริกาอย่างเดียว และตอนนี้ ก็กำลังบีบให้เอาเรื่องกับรัฐบาลเมียนมาร์ สักวันหนึ่งข้างหน้า คนเหล่านี้อาจจะเลือกรัฐบาลอเมริกามากกว่ารัฐบาลไทยก็ได้ครับ
https://tna.mcot.net/politics-970646?fbclid=IwAR23jZP8ZXulo9DarCb6f9vWyyN41QMiCjA-Vrl1pDh9QI2LSV53xoXODrY
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่มีเครื่องบินรบมิก 29 ของกองทัพอากาศเมียนมา บินรุกล้ำน่านฟ้าอธิปไตยไทย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ทางเครือข่ายในพื้นที่ให้ข้อมูลกับตนว่าเครื่องบินดังกล่าวไม่ได้บินเข้ามารอบเดียว แต่บินเข้ามาถึง 3 ครั้ง ในเวลา 20 นาที ก่อนทำการโจมตีในเวลา 17.00 น. ด้วยการใช้อาวุธจากอากาศยาน และทำให้ประชาชนในพื้นที่ของไทยได้รับความเสียหายทั้งรถยนต์และพื้นที่การเกษตร
แต่ทางกองทัพอากาศกลับปล่อยให้เกิดเหตุการณ์รุกล้ำถึง 3 ครั้ง การโจมตีของกองทัพอากาศเมียนมาในรอบนี้ ทางเครือข่ายในพื้นที่บอกว่ากองทัพเมียนมา ไม่สามารถบินในน่านฟ้าของเมียนมาได้ เพราะเป็นพื้นที่ภูเขาและมีต้นไม้ จึงต้องอ้อมเข้ามาบินในไทย ถามว่ามีการรู้เห็นเป็นใจของกองทัพไทยหรือไม่ ที่เปิดให้มีการบินรุกล้ำโจมตีชนกลุ่มน้อย
นายมานพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนทราบว่าทางแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ไปพูดคุยเรื่องการบริหารจัดการชายแดนไทย-เมียนมากับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้นำรัฐประหารเมียนมา ที่กรุงเนปิดอร์ ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีการรู้เห็นเป็นใจกันหรือไม่ อีกทั้งมีการรุกล้ำน่านฟ้าถึง 3 ครั้ง ทำไมจึงไม่มีการตอบโต้ทันที เพราะเป็นเรื่องภัยความมั่นคงจริงหรือจะใช้เป็นเงื่อนไขในการรอเครื่องบิน F-35 อย่างไรก็ตามเราต้องมีแนวทางเสนอการยุติความรุนแรง
แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นท่าทีรัฐบาลไทย ที่จะทำให้เกิดสันติภาพในนามของประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน ขณะที่สถานการณ์ผู้ลี้ภัยการสู้รบตั้งแต่วันที่ 26-30 มิถุนายน มีจำนวนทั้งสิ้น 831 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรี ตนจึงขอเรียกร้องกระทรวงมหาดไทย ช่วยดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ให้มีพื้นที่พักพิงที่ปลอดภัย และการแก้ไขปัญหาในระยะยาวเพื่อให้เกิดความสงบในพื้นที่ ประเทศไทยและอาเซียน ต้องมีเวทีให้เมียนมา และกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องเจรจาหาทางออก เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาสู่ภาวะปกติ ส่วนไทยขอให้กองทัพและฝ่ายบริหารตัดสินใจด้วยความรอบคอบในการปกป้องอธิปไตย
ด้านนายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่าที่ผ่านมา ตนยังไม่เห็นท่าทีของทางการไทยในเรื่องดังกล่าว และยังไม่มีหน่วยงานความมั่นคงหรือกองทัพเข้าไปตั้งจุดแจ้งเตือนเมียนมา หากมีการรุกล้ำอธิปไตยอีก รวมถึงการตัดสินใจล่าช้าของกองทัพอากาศ ที่นำเครื่องบิน F-16 บินขึ้นไปสกัดกั้นเครื่องบินต่างชาติ ถือเป็นความบกพร่องของกองทัพอากาศ