ความจริง สุดตื้นตัน!? “ชาวยูเครน” เฮสนั่น แห่ต้อนรับกองทัพรัสเซีย หลังยึดเมืองอุตสาหกรรมน้ำมันคืนประชาชน!
ล่าสุดทางด้านของ เพจสาธารณะ World Update ได้รายงานถึงสถานการณ์ล่าสุด หลังจากที่ทางด้านของกองทัพรัสเซีย เข้ายึดเมืองลิซิชานสก์ ไว้ได้แล้ว โดยมีรายละเอียดว่า “สหรัฐ NATO มั่นใจชนะแน่! ชาวยูเครน ดีใจฝ่ายรัสเซีย ยึดเมืองอุตสาหกรรมน้ำมันได้”
การประลองกำลังด้านแสนยานุภาพทางทหาร ของฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียวที่นำโดยสหรัฐ และ NATO กับฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้ว ที่นำโดยรัสเซีย และใช้ยูเครน เป็นสนามรบนั้น รัสเซียไม่เคยบอกว่าจะใช้เวลานานเท่าใด มีเพียงสื่อตะวันตกคิดไปเองเท่านั้น สำหรับรัสเซียแล้ว สนามรบในยูเครน มีความสะดวกคล่องตัวในการส่งกำลังบำรุงให้กับอดีตชาวยูเครน
ปัจจุบันคือกองทัพสาธารณรัฐโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เพราะแผ่นดินอยู่ติดกัน การส่งอาวุธ เสบียง ยิงขีปนาวุธระยะไกลสนับสนุนจากบนบก ทะเล หรือบินมาทิ้งระเบิด กระทำได้คล่องตัว สนามรบจริงแบบนี้รัสเซีย ชื่นชอบมากกว่าการซ้อมรบแบบที่สหรัฐ และบริวารชอบทำ
แถมสหรัฐ และ NATO ยังส่งมีทหารรับจ้าง Azov กว่า 50 ชาติ มาให้เป็นเป้าซ้อมถล่มฟรีเป็นกลุ่มก้อน พร้อมทำลายศักยภาพกองทัพยูเครน ให้หมดสภาพไปอีกนาน ส่วนอาวุธกลาโหม NATO ทั้งของเก่าโล่สต็อกและอาวุธทดลองใหม่ราคาแพงขนมาให้ฝ่ายรัสเซียยึดใช้ฟรีๆ กว่าแสนตัน
รัสเซียเองก็ได้ทดสอบอาวุธใหม่ๆ ของตนเองว่าสามารถฉีกอาคาร สิ่งมีชีวิต ได้รุนแรงมากแค่ใดและปรับอาวุธให้รุนแรงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เพื่อทำลายสหรัฐ และ NATO ความเสียหายของอาวุธฝ่ายระเบียบโลกเก่าครั้งนี้น้องๆ สงครามโลกครั้งที่ 2 ไปแล้ว
ล่าสุดกองทัพสาธารณรัฐลูฮันสก์ และเชเชน ฝ่ายรัสเซีย ได้ยึดและปลดปล่อยเมืองอุตสาหกรรมเซเวโรโดเนตสก์ได้แล้ว 100% พร้อมแต่งตั้งนายกเทศมนตรี ควบคุมบริหารเมือง
ควบคุมโรงงานเคมี Azot , โรงงานอุตสาหกรรมพลังงานอีกหลายแห่ง จับกุมเชลยศึกทหารต่างชาติ Azov ของ NATO และทหารยูเครนยอมแพ้ในดอสบาส รวมได้แล้วกว่า 15,000 ราย , แจกอาหาร ของใช้อุปโภค บริโภค และถ่านปรุงอาหาร ที่ชาวบ้านต้องการมาก รวมถึงการยึดเมืองคู่แฝดคนละฝั่งแม่น้ำคือเมืองลิซิชานสก์ ได้อย่างรวดเร็ว เมืองนี้มีโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ของชาติตะวันตก และมีอุตสาหกรรมเหมืองแร่
ซึ่งต่อไปนี้จะกลายเป็นของสาธารณรัฐลูฮันสก์ ในอารักขารัสเซียตลอดไป ชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นชาวสลาฟยูเครน ต่างเฝ้ารอมานาน 8 ปี และดีใจที่ได้รับการปลดปล่อยจากการปกครองที่กดขี่ของยูเครน ชาวบ้านต่างคอยเป็นเบาะแสชี้เป้าให้ฝ่ายรัสเซียถล่มกองทัพยูเครน คอยบอกทาง และต้อนรับทุกหนแห่งขณะที่กองทัพเชเชน และลูฮันสก์เข้าควบคุมศูนย์กลางการบริหารเมือง
เมืองนี้เคยมีทหารรับจ้าง Azov และทหารยูเครนมากถึง 8,000 นาย แต่สามารถหนีออกจากวงล้อมไปได้ราว 4,000 นาย เพราะกองทัพลูฮันสก์ ไม่ไล่ถล่มซ้ำเหมือนคราวสมรภูมิเมืองเซเวโรโดเนตสก์ แต่พยายามปล่อยให้ผู้บาดเจ็บที่หามกันร่องแร่งหนีไปได้ เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรมที่เคยเป็นชาวยูเครนด้วยกัน แต่อีกราว 50% ที่เหลือเป็นปุ๋ย และถูกจับเป็นเชลยไปแล้ว คนที่หนีไปส่วนใหญ่เป็นทหารกองหนุนที่บาดเจ็บ พิการ มากบ้างน้อยบ้าง หมดสภาพจะฟื้นฟูร่างกายออกรบรอบใหม่ได้ในเวลาอันสั้น
ฝ่าย NATO และกองทัพยูเครน ไม่อาจต้านทานการถล่มหนักไหว จำต้องถอนกำลังหนีตายออกจากเมืองลิซิชานสก์อย่างทุลักทุเล ท่ามกลางผู้บาดเจ็บจำนวนมาก รถกองทัพขนทหารยูเครนหนี ก็ไม่เหลือแล้วต้องใช้รถรับ-ส่งนักเรียนมาขนแทน
พร้อมทิ้งอาวุธหนัก NATO ไว้เบื้องหลังทั้งหมดให้ฝ่ายพันธมิตรรัสเซียยึดไปใช้ฟรีๆ ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำซีเวอร์สกายโดเนตสก์ ที่เคยถูกกองทัพยูเครนระเบิดทิ้งสกัดการเคลื่อนทัพก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะกองทัพพันธมิตรรัสเซีย มีสะพานสำเร็จรูปทางทหาร ที่สามารถเคลื่อนอาวุธหนัก ปืนใหญ่ รถถัง รถหุ้มเกราะ ยานยนต์รบ และยานพาหนะเคลื่อนพลจำนวนมากไหลบ่าข้ามแม่น้ำเดินหน้าตลอดเวลา
เมื่อเมืองเซเวโรโดเนตสก์ และลิซิชานสก์ ที่เสมือนปราการกำแพงกั้นภูมิภาคดอสบาส ถูกปลดปล่อยจากยูเครน ไปแล้วจากนี้ไปยูเครน จะตกอยู่ในสภาพ “ไร้ปราการป้องกัน” ฝ่ายพันธมิตรรัสเซีย จะสามารถยึดเมืองต่อไปได้สะดวกกว่าเดิม เพราะพื้นที่ถัดจากนี้ไปจะเป็นพื้นที่ราบลุ่มแอ่งกระทะ เสียเปรียบการตั้งปืนใหญ่ที่สูงปิดล้อมถล่มแล้วทำลายอย่างมาก
อีกทั้งทหารฝ่ายยูเครน แนวหน้าบริเวณนี้ไม่ใช่ทหารอาชีพ ถูกบังคับมาจากยูเครนตะวันตก ฝึกมาน้อย ขาดทักษะประสบการณ์ อาวุธหนัก NATO ที่ส่งมาก็ทิ้งหมดแล้ว ต้องรออาวุธใหม่ที่ NATO จะส่งมาให้เท่านั้น และที่สำคัญคือ กองทัพยูเครนในแนวหน้า ไม่มีอุปกรณ์สื่อสาร เหมือนคนตาบอด แม้อยู่ระยะใกล้กันก็ไม่รู้ว่าเป็นพวกหน่วยไหน จึงมีการยิงปะทะกันเองทุกวัน
จะสื่อสารแจ้งให้ปืนใหญ่ยิงสนับสนุนพิกัดเป้าหมายก็ทำไม่ได้ จึงถูกกองทัพเชเชน ลูฮันสก์ ที่อุปกรณ์เพรียบพร้อมไฮเทคกว่า บดขยี้รุกไล่ถอยร่น จนเสียกระบวน ฝ่าย NATO เองก็คาดไม่ถึงว่ากำลังพลฝ่ายตนจะเละเทะ และเสียอาวุธหนักไปมากมายขนาดนี้ นับเป็นสัญญาณร้ายของ NATO และเรื่องใหญ่แก้ไม่ตกคือขวัญกำลังใจของทหารยูเครน ที่ท้อแท้ไม่อยากสู้รบ
ด้านประธานาธิบดี เซเลนสกี แห่งยูเครน ยอมรับว่าได้สูญเสียเมืองลิซิคานสก์ ซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายของแคว้นลูฮันสก์ ให้กับฝ่ายพันธมิตร รัสเซียไปแล้ว แต่การถอนทัพออกจากเมืองลิซิชานสก์เป็นกลยุทธ์แต่ไม่แพ้ เพราะจะมาทวงดินแดนคืนในอนาคต
เขาระบุว่าถ้ายูเครนได้รับอาวุธระยะไกลมาจากชาติตะวันตก จะทำให้ยูเครนกลับมาพลิกสถานการณ์ชนะได้อีกครั้ง..สหรัฐ NATO ทนเศรษฐกิจพังส่งอาวุธมาอีกสักนิด ยูเครน เชื่อลูกยุ รบต่ออีกสักหน่อย..สู้ต่อไป ชนะจนเหลือแต่แม่หม้ายแน่นอน