ในอดีตที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องปกติที่พรรคของประธานาธิบดีจะเสียที่นั่งในสภาคองเกรสในช่วงกลางเทอม แต่ด้วยตัวเลขความนิยมตกต่ำลงเรื่อยๆของผู้นำสหรัฐฯ และปัญหาเศรษฐกิจถดถอยที่คืบคลานเข้ามาอย่างไม่อาจต้านทาน ทำให้พรรคเดโมแครตดูเหมือนจะพร้อมสำหรับการพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ท่ามกลางเสียงไม่พอใจของคนอเมริกัน และกระแสความโกรธกริ้วปัญหาต่างๆดังก้องมากขึ้นถึงขั้นลงถนน ล่าสุดในวงการภาพยนตร์ ดาราดังฮอลลิวู๊ดก็ขยับดุเดือด ถึงขั้นให้ปลดและฟ้องร้องลงโทษผู้นำของตัวเองในทันที
วันที่ ๒ ก.ค.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า นักแสดงดังดีกรีรางวัลออสการ์ ผู้เป็นบิดาของแองเจเลนา โจลี่ เขียนคำเรียกร้องโจมตีปธน.โจ ไบเดน ย้ำว่าต้องถูกถอดถอนทันที ชาวอเมริกันจึงสามารถเริ่มสร้างประเทศของตนขึ้นใหม่เพื่อความรุ่งโรจน์โดยชอบธรรม
ดาราฮอลลีวู๊ด จอน วอยต์อายุ ๘๓ ปี กล่าวในTwitter ของเขาผลตอบรับคือ ได้รับคำชมจากพรรครีพับลิกัน แต่ถูกประณามจากพรรคเดโมแครตและเพื่อนร่วมงานในฮอลลีวูดอย่างโกรธจัดหลายราย
เขาแสดงความเห็นอย่างดุเดือดว่า “เพื่อนที่รัก เราทุกคนต่างเศร้าใจกับความโกลาหลมากมายที่นำพาชีวิตเรามีชีวิตอยู่กับความมืด มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่? เราทุกคนสามารถแบ่งปันความสุขอีกครั้งและมองตากันได้หรือไม่”
Can we all see eye to eye? pic.twitter.com/DQeqYOe9In
— Jon Voight (@jonvoight) June 28, 2022
วอยต์กล่าวว่า “เรามีประเทศที่มีปัญหาด้วยความสยดสยองจากอาชญากรรมที่ทำลายชีวิต เราต้องหยุดสิ่งนี้ตอนนี้ เราต้องนำความปลอดภัยของประเทศเรากลับคืนมา ตำรวจต้องปกป้องเพื่อนบ้านของเรา ธุรกิจของเรา ลูกของเรา ผู้สูงอายุ ทหารผ่านศึก และผู้พิการของเราอีกครั้ง”
“ชาวอเมริกันโกรธเกรี้ยวเพราะปธน.ไบเดนทำผิดต่อศักดิ์ศรีของประเทศนี้ ล้มล้างศีลธรรมของเรา ของขวัญอันแท้จริงของเราในดินแดนแห่งเสรีชน เขาต้องถูกกล่าวโทษ เราไม่สามารถรออีกเม้เพียงวินาทีเดียว เพื่อให้เขากำหนดเส้นทางชีวิตเรา”
วอยต์ย้ำว่า ไบเดนต้องการ “ทำลายทุกตารางนิ้วที่เสียสละด้วยเลือด เหงื่อและน้ำตาของคนอเมริกันเพื่อสนองการโกหกของเขา”
นักแสดงกล่าวว่าดินแดนแห่งนี้กำลังถูกทำลายลง แต่เขามีความเชื่อว่าชาวอเมริกันจะสร้างชาติขึ้นมาอีกครั้ง และนำเธอไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้
โพสต์ของนักแสดงวัย๘๓ ปีรายนี้ มียอดเข้าดูกว่า ๓๐๐,๐๐๐ ครั้งทางออนไลน์ โดยมีการรีทวีตและไลค์มากกว่า ๑๑,๐๐๐ ครั้ง มีการตอบกลับมากกว่า ๓,๔๐๐ ครั้ง ส่วนใหญ่มาจากพรรคเดโมแครตที่ดูหมิ่นวอยต์และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งมอบเหรียญรางวัลแห่งชาติให้กับเขา ในงานศิลปกรรมปี ๒๐๒๐
นักแสดงฮอลลีวูดเพื่อนหลายคนของเขาซึ่งนิยมพรรคเดโมแครตตำหนิ เช่นบิลลี่ บอลด์วิน นักแสดงและน้องชายของอเล็ก บอลด์วิน เป็นนักเคลื่อนไหวพรรคเดโมแครตทวีตโดยอ้างอิงถึงแองเจลินา โจลี่ และนักแสดงเจมส์ ฮาเวน สองพี่น้องที่ไม่ถูกกับพ่อของพวกเขา ทั้งคู่แยกจากวอยต์ หลังจากมาร์เชลีน เบอร์ทรานด์ แม่ของพวกเขาเสียชีวิต แต่ได้คืนดีกับพ่อของพวกเขาในปี ๒๐๑๐
ในขณะเดียวกัน ส.ส.จากจอร์เจีย พรรครีพับลิกันมาร์โจรี เทเลอร์ กรีน( Marjorie Taylor Greene :R-Georgia) ได้ทวีตชมวอยต์ว่า“เขาพูดถูกต้องและกำลังบอกว่าคนส่วนใหญ่รู้สึกอย่างไร” นอกจากนี้เธอเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความจำเป็นในการฟ้องร้องปธน.โจ ไบเดน
วอยต์เป็นที่รู้จักในอาชีพการงานที่ยาวนานในฮอลลีวูด ตั้งแต่ ‘Midnight Cowboy’ และ ‘Deliverance’ ในปี ๑๙๗๐ ไปจนถึง ‘Heat’ ในปี ๑๙๙๐ เขาได้รับรางวัลอคาเดมีอวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบททหารผ่านศึกเวียดนามที่เป็นอัมพาตใน “Coming Home” ปี ๑๙๗๘ และรางวัลลูกโลกทองคำสี่ครั้งตลอดช่วงอาชีพการงานของเขา
การจุดพลุของเขาเท่ากับเป็นการช่วยเทน้ำมันราดบนกองไฟแห่งความไม่พอใจ ของคนอเมริกันที่ปะทุขึ้นทั่วทุกหัวระแหงในสหรัฐ ในความไร้ฝีมือบริหารประเทศของผู้นำ ทั้งปัญหาแรงงาน ค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อพุ่ง ปัญหากฎหมายทำแท้ง กฎหมายควบคุมอาวุธปืน
ล่าสุด ผลการสำรวจของ Harvard CAPS–Harris Poll พบว่า ๗๑% ของชาวอเมริกันไม่พอใจผลงานของผู้นำ และไม่ต้องการให้ไบเดนลงชิงตำแหน่งอีกสมัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี ๒๐๒๔
ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงเหตุผลต่างๆ นานาในการคัดค้านการบริหารงานของไบเดน โดย ๔๕% บอกว่าเป็นเพราะเขาเป็นประธานาธิบดีที่ไม่ดี ในขณะที่ ๓๓% กล่าวว่าผู้นำวัย ๗๙ ปีอย่างไบเดนแก่เกินไป และประมาณ ๒๕% บอกว่าพวกเขาต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง โพลสำรวจผู้ลงคะแนนที่ลงทะเบียนแล้ว ๑,๓๐๘ คนในวันที่ ๒๘ และ ๒๙ มิ.ย.ที่ผ่านมา
การรวมกลุ่มของโพลล่าสุดที่รวบรวมโดย FiveThirtyEightมีคะแนนนิยมของ Biden ที่ ๓๘.๒% และคะแนนการปฏิเสธผู้นำของเขาที่ ๕๕.๙% ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ในขณะที่คะแนนการอนุมัติของเขาลดลงเพียงเล็กน้อยในเดือนที่แล้ว
ยังต้องรอดูกันต่อไปว่าประเด็นขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ที่เด่นชัดที่สุดหลายประเด็น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น เหตุกราดยิงกันจำนวนมาก อาชญากรรมพุ่งกระฉูด การล้มล้างสิทธิการทำแท้งของรัฐบาลกลางของศาลฎีกาเมื่อเร็วๆนี้และอื่นๆอีกมากมาย จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งช่วงกลางเทอม ทำให้พรรคเดโมแครตได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจไม่โปรดปราน พากันเทคะแนนไปให้ฝ่ายตรงข้ามในเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะถึงนี้ สถานการณ์แบบนี้พรรครีพับลิกันไม่ยอมพลาดโอกาสขยี้แผลสดอย่างแน่นอน!!