จากเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงาน ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกเพื่อการประชุมสุดยอดแคสเปียน ที่เมืองอาชกาบัต ประเทศเติร์กเมนิสถาน ซัมมิตนั้น
ทั้งนี้ ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาเปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจช่วงเวลาเดียวกันด้วยว่า
“การค้าขายระหว่างรัสเซียกับอิหร่านเพิ่มขึ้น ๘๐% สองประเทศจึงตกลงพัฒนาระบบโอนเงินถึงกันและกันเพื่อให้ซื้อขายรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องใช้ดอลล่าร์ใดๆ เลย
ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับรัสเซียสนิทแนบแน่นกว่าเดิมหลายเท่า ปูตินเดินทางไปอิหร่านได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นมาก แต่ว่าในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน อเมริกาส่งตัวแทนไปพบผู้แทนอิหร่านที่กรุงโดฮาเพื่อขอเจรจาซื้อน้ำมัน
อิหร่านถามว่าอเมริกาได้น้ำมันจากอิหร่านแล้ว อิหร่านจะได้อะไร? อเมริกาจะเลิกคว่ำบาตรอิหร่านมั้ย? อเมริกาจะเลิกกดดันอิหร่านเรื่องนิวเคลียร์มั้ย? ผู้แทนอเมริกาตอบว่า ไม่ ผู้แทนอิหร่านเดินหนีออกไปจากห้องเจรจาเลย”
ต่อมาวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ดร.ปฐมพงษ์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลถึงการซื้อขายน้ำมันระหว่างอิหร่านกับสหรัฐอีกครั้งผ่านการโพสต์ Blockdit ว่า “อิหร่านเลิกขายน้ำมันให้อเมริกาและแก๊งอียูสิ้นเชิงแล้ว:
อิหร่านถูกคว่ำบาตรจากอเมริกาและแก๊งอียูมานาน เพราะประชาชนอิหร่านไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของอเมริกาลงจากตำแหน่ง อเมริกาเสียผลประโยชน์จึงคว่ำบาตรอิหร่านต่างๆ นานา แม้แต่ยารักษาโรคในช่วงที่โควิดระบาด ชาติอียูก็ไม่พากันขายให้
หลังจากบรรดาชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกพากันคว่ำบาตรรัสเซีย แถลงว่าพวกตนจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ชาติเหล่านี้ ยังแอบมาซื้อน้ำมันเถื่อนจากอิหร่านอยู่พักหนึ่ง
แต่อิหร่านในขณะนี้ตั้งตัวได้แล้ว มีคนซื้อน้ำมันอย่างจีนเพิ่มขึ้น มีพันธมิตรเพิ่มมากขึ้น อิหร่านจึงเลิกขายน้ำมันให้อเมริกาและชาตีอียู บริวารของอเมริกาทั้งหมด
หลังจากประชุม G7 ฝรั่งเศสออกมาคร่ำครวญว่าอยากให้อิหร่าน และเวเนซุเอล่ากลับมาค้าขายน้ำมันได้ตามปรกติ อิหร่านรู้แน่แล้วว่ากลุ่มประเทศอียูที่พากันคว่ำบาตรตนต่างๆ นานาพอโดนรัสเซียคว่ำบาตรแล้ว จะพากันหันมาขอซื้อน้ำมันจากตน อิหร่านจึงประกาศล่วงหน้าว่าจะเลิกขายน้ำมันให้อเมริกาและชาติอียูทั้งหมด หันมาเน้นการค้ากับกลุ่มประเทศ BRICS ดีกว่า
ผมเชื่อว่าอเมริกา เยอรมนีและอังกฤษน่าจะสะบักสะบอมที่สุดเพราะมีปัญหาแตกร้าวกันภายในมาก ตอนนี้ ในยุโรปกำลังอยู่ในช่วงซัมเมอร์อยู่ครับ อีกสักพักก็จะเข้าฤดูหนาว แนวโน้มที่จะเป็นไปได้:-
๑.คนตะวันตกที่เคยชินกับการใช้ก๊าซ เปิดฮีตเตอร์ใช้ในห้องเป็นประจำ จะรับไม่ได้ที่ต้องกลับไปใช้ฟืนเหมือนเดิม พวกนี้จะพากันลุกขึ้นประท้วงไล่รัฐบาลของตนเองให้หันมาเน้นความต้องการของประชาชนของตนมากกว่าจะยอมเป็นทาส ทำตามคำสั่งของรัฐบาลอเมริกา
๒.ถ้าไม่อยากลงจากตำแหน่ง ผู้นำประเทศอียูบางกลุ่มจะพากันคลานมาหาวลาดิเมียร์ ปูตินเพื่อให้ขายก๊าซให้ตามปรกติ อียูจะแตกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายยอมตามอเมริกา กับฝ่ายที่หันมาเป็นมิตร ค้าขายตามปรกติกับรัสเซีย
ภายในสหรัฐอเมริกาเองก็จะแตกแยกจนถึงอาจมีหลายรัฐขอแยกตัวออกมาเพราะหนี้สินที่รัฐบาลกลางก่อขึ้นมากมายมหาศาลจะทำให้หลายรัฐไม่อยากไปร่วมรับผิดชอบด้วย