จากที่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงาน ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินได้เดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกเพื่อการประชุมสุดยอดแคสเปียน ครั้งที่ 6 ที่เมืองอาชกาบัต ประเทศเติร์กเมนิสถาน ซัมมิตนั้น
โดยการประชุมครั้งนี้ประกอบไปด้วยพันธมิตร 5 ชาติได้แก่ รัสเซีย อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน คาซัคสถานและเติร์กเมนิสถาน ซึ่งประธานาธิบดี ปูติน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำสารภาพของเลขาธิการ NATO ที่ว่ากลุ่มนี้เตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งตั้งแต่ปี 2014 เว่า”ไม่มีอะไรใหม่”สำหรับมอสโกว์ เป็นเวลานานแล้วที่สหรัฐฯ มองหาศัตรูภายนอกเพื่อระดมพันธมิตรรอบวอชิงตัน และรัสเซียเหมาะสมสำหรับบทบาทนั้นมากกว่าอิหร่าน
นี่เป็นการยืนยันอีกครั้งในสิ่งที่เราพูดมาตลอดว่า NATO เป็นของที่ระลึกจากสงครามเย็น เราได้รับแจ้งเสมอว่า NATO ได้เปลี่ยนไปแล้วว่ากลายเป็นพรรคการเมืองที่รับใช้วอชิงตันเต็มรูปในขณะนี้ แต่ทุกคนต่างมองหาโอกาสและเหตุผลในการให้แรงผลักดันใหม่ในฐานะองค์กรทางทหารโดยเฉพาะ และพวกเขาทำมันอย่างเป็นขั้นตอน
บทบาททางทหารของนาโต้ได้สะท้อนภาพชัดในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางทหาร นาโต้ทำได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องสนใจผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ” ประธานาธิบดี ปูติน กล่าว
นอกจากการพบพันธมิตรกลุ่มแคสเปียนของประธานาธิบดีปูติน แบบจับเข่าคุยกันแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน และสะท้อนภาพพันธมิตรที่เหนียวแน่นของรัสเซียอีกแห่งคือ ซีเรียได้ประกาศรับรองเอกราชของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ความเคลื่อนไหวนี้สร้างความเดือดดาลแก่เคียฟ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับซีเรียในทันที
ด้านสำนักข่าวซีเรียน อาหรับ นิวส์ เอเจนซี หรือ ซานา รายงานข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวในช่วงบ่ายวันพุธที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยอ้างแหล่งข่าวภายในของกระทรวงการต่างประเทศซีเรียในกรุงดามัสกัส
รายงานข่าวระบุว่า “ด้วยความตั้งใจและปรารถนาสถาปนาความสัมพันธ์ในทุกมิติ สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย ตัดสินใจรับรองเอกราชและอำนาจอธิปไตยของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์”
ล่าสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาเปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวในความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจถึงสองข้อความว่า
“การค้าขายระหว่างรัสเซียกับอิหร่านเพิ่มขึ้น ๘๐% สองประเทศจึงตกลงพัฒนาระบบโอนเงินถึงกันและกันเพื่อให้ซื้อขายรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องใช้ดอลล่าร์ใดๆ เลย
ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับรัสเซียสนิทแนบแน่นกว่าเดิมหลายเท่า ปูตินเดินทางไปอิหร่านได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นมาก แต่ว่าในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน อเมริกาส่งตัวแทนไปพบผู้แทนอิหร่านที่กรุงโดฮาเพื่อขอเจรจาซื้อน้ำมัน
อิหร่านถามว่าอเมริกาได้น้ำมันจากอิหร่านแล้ว อิหร่านจะได้อะไร? อเมริกาจะเลิกคว่ำบาตรอิหร่านมั้ย? อเมริกาจะเลิกกดดันอิหร่านเรื่องนิวเคลียร์มั้ย? ผู้แทนอเมริกาตอบว่า ไม่ ผู้แทนอิหร่านเดินหนีออกไปจากห้องเจรจาเลย”