อาชญากรรมในชิคาโกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีแนวโน้มลดลง ทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SME ต่างๆในเมืองต้องปิดกิจการ บริษัทต่างๆแพ็คกระเป๋าเลิกกิจการของพวกเขา พร้อมกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘พอแล้วไปต่อไม่ไหวแล้ว’ สาเหตุหลักมาจากอาชญากรรมรุนแรงในชิคาโกที่เพิ่มขึ้นกระฉูด ๓๕% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐก็ส่อแววทรุดหนักลงเรื่อยๆ
นับตั้งแต่ประธานเฟดยอมรับตรงๆแล้วว่า อย่างไรก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย จาก ๐.๕% เป็น ๐.๗๕% และอาจจะเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์รุนแรงของเงินเฟ้อในปัจจุบันพร้อมกับการทำคิวอี ดึงเงินออกจากระบบ แม้การขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้เงินทุนไหลกลับอเมริกา ก็ไม่ทำให้เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นไม่หยุดผ่อนคลายลงได้อย่างแท้จริง
ขณะเดียวกันทั้งนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐและตะวันตกต่างพากันเตือนแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอมริกาที่จะมาถึงเร็วกว่าที่เฟดพยายามปลอบใจนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นระส่ำ มาถูกซ้ำเติมด้วยตัวเลขแรงงานนอกเกษตรที่ต่ำกว่าที่คาด นั้นหมายความว่าปิดอย่างไรก็ไม่มิดว่า เศรษฐกิจสหรัฐถึงคราวดิ่งหัวลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แม้ปธน.ไบเดนยังคงปัดความรับผิดชอบ โทษรัสเซียว่าเป็นต้นเหตุวิกฤตเศรษฐกิจในอเมริกาและโลกในการประชุมนาโต้ครั้งล่าสุดก็ตาม ดูเหมือนว่าทั้งนักลงทุนและประชาชนอเมริกันต่างไม่เชื่อน้ำยาผู้นำของตนเองเสียแล้ว
วันที่ ๒๙ มิ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวฟอกซ์นิวส์รายงานว่า เจ้าของธุรกิจในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอาชญากรรมที่พุ่งสูงขึ้นในเมือง ทำให้เขาต้องเลิกทำธุรกิจในเมือง เพิ่มรายชื่อบุคคลและธุรกิจที่พากันหนีออกจากรัฐอิลลินอยส์ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาท่ามกลางอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด
แกรี่ เรไบน์(Gary Rabine) ผู้ก่อตั้งเรไบน์กรุ๊ป (Rabine Group) และเจ้าของธุรกิจ ๑๓ แห่ง กล่าวว่าอาชญากรรมที่พุ่งสูงขึ้นในชิคาโกเป็นปัจจัยผลักดันการตัดสินใจของเขาที่จะปิดบริษัทในเมืองนี้ หลังจากที่ทีมงานของเขาถูกปล้นหลายครั้ง ในบางครั้ง เวลากลางวันแสกๆ แม้จะเพิ่มความปลอดภัยให้กับหน่วยงานแล้วก็ตาม
เขากล่าวว่า “เราจะมีแผนจะทำกิจกรรมต่างๆหลายพันงานต่อปีในเมืองนี้ แต่เมื่อเราถูกปล้นมากขึ้น คนของฉันก็ถูกปล้น อุปกรณ์ของเราจะถูกขโมยในเวลากลางวันแสกๆ และมักจะมีปืนเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้คนก็ขโมยของราคาแพงมากขึ้นเรื่อยๆและเกิดอันตรายได้”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เคน กริฟฟิน มหาเศรษฐีพันล้านประกาศว่าเขาจะย้ายบริษัทกองทุนเฮดจ์ฟันด์ซิเทเดล (Citadel) ออกจากชิคาโก หลังจากอาชญากรรมเป็นปัญหาหลักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไม่มีแนวโน้มจะแก้ไขได้
แคเทอร์พิลลาร์(Caterpillar) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์ก่อสร้างและขุด ประกาศในเดือนนี้ว่า กำลังจะย้ายสำนักงานใหญ่ จากเดียร์ฟิลด์ อิลลินอยส์ ชานเมืองฝั่งเหนือของชิคาโก ไปยังเออร์วิง รัฐเท็กซัส นอกเมืองดัลลาส
อัลเฟรโด ออร์ติซ ประธานและซีอีโอของเครือข่ายผู้สร้างงานกล่าวว่า “รัฐอิลลินอยส์ต้องหยุดการไหลออกของธุรกิจ และปกป้องเศรษฐกิจของพวกเขา เดโมแครตควรคัดลอกนโยบายที่ดีของรัฐที่รีพับลิกันดูแล และทำให้รัฐของพวกเขาปลอดภัยและเป็นมิตรกับเศรษฐกิจมากขึ้น”
บริษัทการบินระดับโลกอย่างโบว์อิ้ง (Boeing) ได้ประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าบริษัทจะย้ายสำนักงานใหญ่ออกจากเขตชิคาโก้ไปยังรัฐเวอร์จิเนีย นอกกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
นอกจากบริษัทที่ย้ายออกจากรัฐแล้ว อิลลินอยส์ยังสูญเสียผู้อยู่อาศัยในสัดส่วนที่สูงกว่ารัฐอื่นในปี ๒๕๖๔ จากการสำรวจโดยบริษัทขนย้ายของฝ่ายสัมพันธมิตร สถาบันนโยบายอิลลินอยส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระด้านความคิดที่ไม่แสวงหาผลกำไร ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาว่า “ชาวอิลลินอยส์หนีไปยังรัฐอื่นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม๒๐๒๐ ถึงกรกฎาคม๒๕๖๔ มากกว่าปีอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้”
ในขณะที่ปัจจัยหลายอย่างรวมถึงภาษี การล็อกดาวน์ของ coronavirus และค่าครองชีพ มีส่วนทำให้จำนวนประชากรลดลง แต่ปัญหาอาชญากรรมเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ
ราไบน์ ซึ่งลงสมัครรับตำแหน่งผู้ว่าการในฐานะพรรครีพับลิกันในรัฐอิลลินอยส์กล่าวโทษ ลอรี่ ไลท์ฟู้ต (Lori Lightfoot) นายกเทศมนตรีเมืองชิคาโก คนปัจจุบันสังกัดพรรคเดโมแครตว่า “ไลท์ฟู้ตเป็นผู้นำที่ชั่วร้ายเธอไม่ยืนหยัดเพื่อชุมชนเลย”
ตำรวจชิคาโกรายงานเหตุกราดยิง ๔๔ ครั้ง โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย ๖๑ ราย ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. ในวันศุกร์ถึงวันจันทร์ ตลอดช่วงวันหยุดยาวที่สิบมิถุนายนที่ผ่านมา ตามสถิติที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้ กรมยังบันทึกด้วยว่ามีผู้เสียชีวิต ๑๐ รายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ขยายออกไป
เมื่อเดือนที่แล้ว ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนรายงานอาชญากรรมรุนแรงในชิคาโกเพิ่มขึ้น ๓๕% เมื่อเทียบกับตัวเลขของปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน