จีนต้องตบสั่งสอน! รมต.UK จุ้นกลางสภาฯ ให้รบ.ส่งอาวุธไต้หวัน โลกประณามกระสันความวุ่นวาย
จากกรณีที่ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ก่อเสียงอื้ออึงเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ หลังเรียกร้องให้ประเทศของเธอส่งมอบความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ไต้หวัน แบบเดียวกับยูเครน ท่ามกลางความกังวลว่าจีนอาจเปิดฉากรุกรานเกาะแห่งนี้
ความคิดเห็นที่สร้างความประหลาดใจของรัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ เกิดขึ้นระหว่างที่เธอเข้าให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของสภาสามัญชน(สภาล่าง) แห่งสหราชอาณาจักรในวันอังคารที่ผ่านมา และมีขึ้นท่ามกลางความกังวลของไต้หวัน ในความเป็นไปได้ที่อาจถูกจีนรุกราน หลังปักกิ่งมีท่าทีเป็นปรปักษ์กับไทเปมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันสหราชอาณาจักรไม่มีความสัมพันธ์ทางกลาโหมและทางการทูตกับไต้หวัน และจุดยืนอย่างเป็นทางการของสหราชอาณาจักรคือการหาทางออกอย่างสันติระหว่าง 2 ฝ่าย
อย่างไรก็ตามถ้าตัดสินใจทำตามแผนของ ทรัสส์ บางมันอาจโหมกระพือความขุ่นเคืองจากปักกิ่งและและทำให้สหราชอาณาจักรเหลือยุทโธปกรณ์ทางทหารน้อยลงไปอีก ระหว่างให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศของสภาสามัญชน ทรัสส์กล่าวว่า “มันคือแนวโน้มหนึ่งๆเสมอ และเราเคยพบเห็นเรื่องแบบนี้ก่อนเกิดสงครามยูเครน เราไม่ควรคาดหวังว่าสิ่งร้ายๆจะไม่เกิดขึ้น แล้วรอจนกระทั่งมันสายเกินไป”
“เราควรทำสิ่งต่างๆตั้งแต่เนิ่นๆ เราควรป้อนอาวุธป้องกันตัวเข้าสู่ยูเครนเร็วกว่านี้ เราจำเป็นต้องเรียนรู้บทเรียนดังกล่าวสำหรับไต้หวัน อาวุธยุทโธปกรณ์ทุกๆชิ้นที่เราส่งไป จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนนานหลายเดือน ดังนั้นเราควรทำอย่างเร็วที่สุดจะดีกว่า” ทรัสส์กล่าว
อย่างไรก็ตาม สื่อของอังกฤษ ระบุว่าด้วยจีนมีเรือรบมากกว่าสหรัฐฯและมีอากาศยานประจัญบานมากกว่า 2,000 ลำจึงไม่เป็นที่ชัดเจนว่าสหราชอาณาจักรจะเปลี่ยนสมดุลของแสนยานุภาพด้านการทหารนี้อย่างไร แม้ว่าเรือแห่งของกองทัพเรือสหราชอาณาจักรได้ไปปรากฏตัวในทะเลจีนใต้เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปฏิบัติการสำแดงเสรีภาพในการเดินเรือที่มีเจตนาป้องปรามปักกิ่ง
ระหว่างกล่าวปราศรัยกับที่ประชุมกลาโหมของสถาบันรอยัลยูไนเต็ดเซอร์วิส(RUSI) ด้านพลเอกเซอร์แพทริค ซอนเดอร์ส ประธานเสนาธิการทหารแห่งสหราชอาณาจักร บอกว่าสหราชอาณาจักรไม่อาจเพิกเฉยต่อการผงาดขึ้นมาแบบทวีคูณของจีน และความท้าทายที่มีมาช้านานจากปักกิ่ง แต่เขาไม่ได้พาดพิงว่าสนับสนุนจัดหาอาวุธป้อนแก่ไต้หวันหรือไม่
เซอร์แพทริค มุ่งเน้นให้ความสำคัญไปที่รัสเซีย และภัยคุกคามปัจจุบันทันด่วนจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่มีต่อแผ่นดินยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาประเทศในแถบบอลติก เขาเตือนว่ารัสเซียอาจมีความอันตรายมากกว่าที่ผ่านๆมาหลังศึกความขัดแย้งยูเครน และเขาต้องการให้กองกำลังทหารอีกหลายหมื่นนายอยู่ในความพร้อมสูงสุด พร้อมสำหรับถูกส่งเข้าไปป้องกันยุโรปตะวันออก