อิหร่านและกาตาร์แถลงจะร่วมมือกันส่งเสริมเสถียรภาพด้านความมั่นคงในอาหรับ มตินี้มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับ นัดหมายระหว่างผู้แทนอิหร่านและผู้เทนสหภาพยุโรปเพื่อพบปะเจรจาทางอ้อม เกี่ยวกับกรณีการคว่าบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐและการควบคุมนิวเคลียร์ของอิหร่านซึ่งต้องลุ้นต่อไปว่าจะคืบหน้าหรือย่ำอยู่กับที่ ในขณะเดียวกันมีการเคลื่อนไหวของผู้นำซาอุดิอาระเบียเดินสายเยือนประเทศอาหรับสวนทางกำหนดการเยือนของปธน.สหรัฐที่วันนี้ยังไม่มีกำหนดการพบหน้ากันอย่างชัดเจน
วันที่ ๒๙ มิ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวอิหร่านเพรสรายงานว่า อาลี บาเกรี คานี(Ali Bagheri Kani)รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านเข้าพบและพูดคุยกับอาเหม็ด บิน ฮัซซัน อัล-ฮามาดี (Ahmed bin Hassan Al-Hammadi) รัฐมนตรีต่างประเทศกาตาร์ และโมฮัมเหม็ด อัล-คาลีฟี(Mohammed Al-Khalifi) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายกิจการภูมิภาค ในกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์เมื่อเย็นวันอังคารที่ ๒๘ มิ.ย.ที่ผ่านมา
รมช.ต่างประเทศอิหร่าน เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจา ระบุถึงการเดินทางครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีอิบราฮีม ไรซี (Ebrahim Raeisi) ของอิหร่าน มีกำหนดการเยือนกาตาร์ และกำหนดการเยือนของผู้นำการ์ตา ไปยังอิหร่านด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้นำทั้งสองประเทศในการกระจายความเสี่ยงและการปรับปรุงความร่วมมือร่วมกันอย่างจริงจัง
รายงานเปิดเผยว่า การหารือเป็นไปเพื่อขยายความสัมพันธ์แบบทวิภาคี การพัฒนาสัมพันธ์ในหลายระดับและการเสริมสร้างความร่วมมือร่วมกัน ทั้งนี้ รมช.กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ยังขอบคุณกาตาร์ที่เป็นเจ้าภาพในการเจรจาระหว่างอิหร่านกับผู้แทน EU เพื่อยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ที่จัดขึ้นในช่วงเย็นของวันเดียวกันด้วย
หลังจากหยุดการเจรจาที่เวียนนาเป็นเวลาหลายเดือน การเจรจาก็เริ่มขึ้นในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ในตอนเย็นวันนั้น เป็นการเจรจาเพื่อพิจารณายกเลิกการคว่ำบาตรระหว่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกา โดยกำหนดคุยเจรจากันทางอ้อมผ่านผู้ประสานงานของสหภาพยุโรป เอ็นริค โมรา(Enrique Mora)
ในขณะเดียวกัน เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ได้ออกมาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อต้านอิหร่านฝ่ายเดียวของสหรัฐ เลขาธิการสหประชาชาติระบุว่าข้อตกลง JCPOA ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านและการทูตพหุภาคี
ด้านปธน.อิบราฮีม ไรซี(Ebrahim Raisi) แห่งอิหร่านเรียกร้องให้ยกเลิกการคว่ำบาตรโดยเร็วที่สุด โดยระบุว่าพวกตะวันตกว่าทำการกดขี่และกล่าวว่าสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรป เป็นฝ่ายละเมิดข้อกำหนดของข้อตกลงนิวเคลียร์ในปี ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อแผนปฏิบัติการร่วมที่ครอบคลุม หรือJCPOA
ในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อคืนวันเสาร์ ผู้นำอิหร่านยังตอบโต้ต่อมติล่าสุดของ IAEA ที่อ้างว่าอิหร่านมีความร่วมมือไม่เพียงพอในประเด็นการป้องกัน โดยปธน.ไรซีกล่าวว่า “เราเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าการแก้ปัญหานี้ ไม่สามารถใช้การบีบบังคับให้เรายกเลิก หรือถอนตัวจากตำแหน่งด้านนิวเคลียร์ของเราในปัจจุบัน”
เขากล่าวเน้นว่า “การลงมติต่อต้านอิหร่านในคณะกรรมการฯและในระหว่างการเจรจาเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิด สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศได้เข้าตรวจสอบและยืนยันถึง ๑๕ ครั้งว่ากิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่านไม่มีการเบี่ยงเบนจากข้อตกลง แต่ตะวันตกยังไม่พอใจ”
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้นำซาอุดิอาระเบียกำลังอยู่ระหว่างเยือนต่างประเทศ เริ่มที่อิยิปต์และล่าสุดวกมาที่ตุรกี ซึ่งได้ให้การต้อนรับแขกจากอิสราเอลก่อนหน้านี้
ผู้นำตุรกีและซาอุดิอาระเบียได้ แถลงการณ์ร่วมกันโดยตั้งเป้าที่จะกระชับความร่วมมือด้านการค้า การท่องเที่ยว การก่อสร้าง และพลังงาน ตลอดจนอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและเทคโนโลยีใหม่ แถลงการณ์ดังกล่าวยังรวมถึงการอ้างอิงถึงวิสัยทัศน์วิสัยทัศน์ ๒๐๓๐ ของซาอุดีอาระเบียและความมุ่งมั่นในการเปิดใช้สภาประสานงานซาอุดีอาระเบีย-ตุรกีอีกครั้ง ในขณะที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาของสภาความร่วมมือตุรกี-อ่าวอาหรับ (GCC) เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรี ประเด็นเหล่านี้ส่งสัญญาณว่าทั้งสองรัฐพยายามพัฒนามุมมองระยะยาวในแง่ของการพัฒนาระดับภูมิภาคและระดับโลก
เป็นเรื่องสำคัญและเป็นที่จับตามอง กรณีการเยือนของ MBSผู้นำซาอุดิอาระเบียในต่างประเทศ เกิดขึ้นก่อนการเยือนตะวันออกกลางของประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน โดยกำหนดจะเยือนอิสราเอล เวสต์แบงก์ และเจดดาห์ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้นำซาอุดิอาระเบียมีความไม่พอใจสะสม เกี่ยวกับการปฏิบัติของฝ่ายบริหารของไบเดนต่อซาอุดิอาระเบียตลอดมาตั้งแต่ผู้นำสหรัฐเข้ารับตำแหน่ง
ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายหลังปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนของรัสเซีย ส่งผลให้ฝ่ายบริหารของไบเดนต้องปรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับผู้นำซาอุดิอาระเบียให้เป็นปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคของเขาแพ้การเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนปลายปีนี้เพราะวิกฤตพลังงาน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการให้ซาอุดิอาระเบียเพิ่มผลผลิตน้ำมัน ในเวลาเดียวกัน ก็คาดหวังว่าจะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างผู้นำอาหรับและอิสราเอล และสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตรของสหรัฐในอ่าวอาหรับเกี่ยวกับอิหร่าน แต่จนบัดนี้ทำเนียบขาวยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการหารือกันระหว่างปธน.ไบเดนกับ MBS หรือไม่วันเวลาใด???