จากกรณีที่สถานการณ์เดือดระอุในรัสเซีย-ยูเครน ได้เพิ่มดีกรีความรุนแรงต่อพลเรือนอีกครั้ง เมื่อมีขีปนาวุธถล่ม อาคารที่เป็นศูนย์การค้าในเมืองเครเมนชุก ซึ่งอยู่ห่างไกลจากสมรภูมิภาคตะวันออกของยูเครน และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งนี้มีรายงานตัวเลขด้วยว่า ยูเครนสูญเสียกำลังพลหลักพันคนต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มาก หากต้องมีการสูญเสียอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดทางด้านนางเอลลา ลิบาโนวา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งยูเครน กล่าวระหว่างการถ่ายทอดสดรายการโทรทัศน์ของประเทศว่า ปัจจัยหลักสำหรับข้อมูลประชากรของประเทศในขณะนี้คือ ช่วงระยะเวลาที่จัดว่าร้อนแรง จากการรุกรานของรัสเซีย โดยการคาดการณ์ของตนมองว่า หากสงครามสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ ประเทศจะเสียผู้คนไปประมาณ 500,000 – 600,000 คน แต่หากสงครามยังระอุอยู่ถึง 2 ปี ก็อาจจะสูญเสียผู้คนไปมากถึง 5 ล้านคน ยิ่งสงครามยืดเยื้อ ผู้ลี้ภัยจำนวนมากอาจเลือกอยู่ต่างประเทศแบบถาวร
ลิบาโนวายังคาดการณ์ต่อว่า สถานการณ์การย้ายถิ่นภายใน ก็จะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เพราะแม้ว่าความขัดแย้งทางทหารจะสิ้นสุดลง แต่ผู้คนจะตระหนักว่ารัสเซียยังคงเป็นเพื่อนบ้านที่ก้าวร้าว ดังนั้น ครอบครัวและธุรกิจต่าง ๆ อาจเลือกที่จะไม่กลับไปยังภูมิภาคที่ใกล้กับชายแดนรัสเซีย และสิ่งนี้ทำให้ตนไม่เชื่อว่า ประเทศจะสามารถฟื้นฟูการกระจายตัวของประชากรและธุรกิจได้ เหมือนอย่างช่วงก่อนสงคราม
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นเดือน ลิบาโนวา ได้เสนอกับทางรัฐบาลว่า ยังควรรักษาการติดต่อกับเหล่าผู้ลี้ภัยโดยให้โอกาสพวกเขาทำงานและเรียนทางไกล เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสถานการณ์ทางประชากรของประเทศ ยูเครนไม่ควรคาดหวังให้เกิดเบบี้บูมทันที หลังจากสิ้นสุดความขัดแย้ง เพราะเด็ก ๆ จะเกิดก็ต่อเมื่อมาตรฐานการครองชีพเพิ่มขึ้น และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นในทันทีหลังสงคราม
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ยูเครนมีประชากรอยู่ที่ประมาณ 41.2 ล้านคน และตามรายงานของข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ณ วันที่ 21 มิถุนายน มีผู้ลี้ภัยจากยูเครนที่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับโครงการคุ้มครองแห่งชาติในยุโรปเกือบ 5.3 ล้านคนแล้ว แต่จำนวนผู้ลี้ภัยที่แท้จริง คาดว่าจะมีมากกว่านี้