หลังจากที่ผู้นำ 2 ประเทศ ทั้งจีนและรัสเซีย ประสานจะพร้อมสู้ ชนเดือดกับชาติตะวันตกและสหรัฐฯ โดยการประชุมสุดยอด BRICS ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพปีนี้เป็นจังหวะที่สี จิ้นผิง กับปูตินได้แสดงจุดยืนเรื่องบทบาทอันไม่พึงปรารถนาของโลกตะวันตกอย่างเต็มที่
โดยผู้นำจีนและรัสเซียต่างก็ใช้โอกาสนี้กล่าวหาสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตกว่าเป็นผู้สร้างความไร้เสถียรภาพให้กับโลก เพราะรวมหัวกันออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในกรณีสงครามยูเครน ที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรแท้ ที่พร้อมช่วยเหลือกันในทุกสถานการณ์ และจีนเองก็ไม่เคยร่วมคว่ำบาตรรัสเซียด้วย
ล่าสุดล่าสุดดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง blockdit ระบุว่า มังกรคู่สู้สิบทิศ อีกคนหนึ่งออกไปทางบู๊ อีกคนออกไปทางบุ๋น ในยามที่รัสเซียต้องรบกับนาโตที่อเมริกาเป็นหัวโจก สีจิ้นผิงสั่งซื้อน้ำมันรัสเซียและสินค้าอื่น ๆ เป็นพิเศษ เพื่อมิให้รัสเซียขาดรายได้เข้าประเทศหรือเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ปีนี้ พฤหัสบดีจรตกภพวินาศดวงโลก ชาตินักล่าอาณานิคมที่เคยป่วนประเทศต่าง ๆ พากันเหิมเกริมติดอาวุธในยูเครนเพื่อป่วนรัสเซีย ปูตินจึงต้องอาศัยความเด็ดขาดเพื่อกวาดล้าง พ้นปีนี้ไปแล้ว เมื่ออสูรถูกปราบจนอำนาจบารมีเหลือน้อยลง ก็ถึงคราวพฤหัสบดีจรทับลัคนาดวงโลกพอดี ถึงตอนนั้น ตะวันออกภายใต้ชื่อ BRICS จะรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์แทนที่ชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า G7 EU และ NATO ก่อนสิ้นปีนี้ไป รัสเซียกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายในยูเครนเบ็ดเสร็จ ถ้าไม่กวาดล้างเครือข่ายนี้ออกไปที่โปแลนด์หรือเบลารุสต่อ หวยอาจไปลงที่ซีเรีย อิสราเอลคือประเทศที่ ๑. ร่วมลงชื่อขับไล่รัสเซียออกจากสภาสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติด้วยข้อหาที่ไร้สาระ
๒.สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในยูเครนเพื่อบ่อนทำลายรัสเซีย รัสเซียอาจจำเป็นต้องช่วยกวาดล้างอิทธิพลอิสราเอลให้หมดไปจากซีเรียเพื่อมิให้อิสราเอลรบกวนซีเรียฟื้นฟูประเทศ