สหรัฐก็ค้ามนุษย์? พบร่างผู้อพยพ46ศพคารถบรรทุกที่เท็กซัส! ผู้ว่าการรัฐ เผยสาเหตุนโยบายคนเข้าเมืองของไบเดน
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (28 มิถุนายน 2565) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส เข้าตรวจค้นรถบรรทุกพ่วงขนาดใหญ่คันหนึ่งที่จอดทิ้งไว้ริมถนนในเขตชานเมืองเมื่อวันจันทร์ และพบผู้เสียชีวิตหลายสิบรายทั้งในรถและรอบๆคันรถ ก่อนผลการสืบสวนเบื้องต้นจะพบว่ากลุ่มผู้เสียชีวิตเหล่านั้นเป็นผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และอาจเสียชีวิตจากอากาศร้อนจัด
การพบผู้เสียชีวิตดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่เกี่ยวข้องกับผู้อพยพในสหรัฐอเมริกาช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเกิดขึ้น 5 ปีให้หลัง จากเหตุการณ์คล้ายคลึงกันที่เกิดขึ้นในเท็กซัส ซึ่งมีพื้นที่ห่างจากชายแดนเม็กซิโกด้วยการเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมการลักลอบค้ามนุษย์ที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณแนวชายแดนอเมริกา-เม็กซิโก โดยผู้ว่าการรัฐเทกซัสโยนบาปว่า เป็นผลจากนโยบายคนเข้าเมืองของไบเดน
เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงเมืองซานแอนโตนิโอ เผยว่า พบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และไม่มีร่องรอยว่า มีน้ำดื่มอยู่ภายในรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวที่จอดทิ้งไว้ในพื้นที่ห่างไกล บริเวณชานเมืองด้านใต้ ภายในรถยังพบผู้รอดชีวิต 16 คน ที่มีเด็กรวมอยู่ด้วย 4 คน โดยทั้งหมดมีอาการตัวร้อน ขาดน้ำ เป็นลมแดดและอ่อนเพลีย และถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว
ขณะที่ชาร์ลส์ ฮูด หัวหน้าหน่วยดับเพลิงซานแอนโตนิโอ แถลงว่า รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวเป็นรถห้องเย็น แต่ระบบปรับอากาศไม่ทำงาน อุณหภูมิในซานแอนโตนิโอที่อยู่ห่างจากชายแดนเม็กซิโกราว 250 กิโลเมตรสูงถึง 39.4 องศาเซลเซียสและมีความชื้นสูง
วิลเลียม แมคมานัส ผู้บัญชาการตำรวจซานแอนโตนิโอ เผยว่า คนงานคนหนึ่งที่ทำงานอยู่แถวนั้นได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจึงออกไปดู และพบประตูรถเปิดแง้มไว้โดยภายในมีร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์นี้เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ และมีผู้ถูกควบคุมตัว 3 คนแต่ยังไม่ชัดเจนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่
ทางด้านโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา แถลงว่า แผนกสอบสวนของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิกำลังสอบสวน “เหตุการณ์การค้ามนุษย์” ร่วมกับตำรวจท้องถิ่น เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความท้าทายในการควบคุมการอพยพข้ามชายแดนอเมริกา-เม็กซิโกที่ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็นสถิติสูงสุด
รวมทั้งตอกย้ำความยากลำบากสำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ที่ประกาศยกเลิกนโยบายคนเข้าเมืองแข็งกร้าวของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ คนก่อนหน้านี้จากพรรครีพับลิกัน
ด้านสมาชิกรีพับลิกันต่างวิจารณ์นโยบายชายแดนของไบเดนก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน
เกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัสสังกัดพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนแนวทางแข็งกร้าว โทษว่า นโยบายเปิดพรมแดนของไบเดนเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้
ผู้อพยพซึ่งส่วนใหญ่มาจากเม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ ถูกขับออกจากสหรัฐฯกว่า 2 ล้านคนภายใต้กฎในยุคโรคระบาดนับจากเดือนมีนาคม 2020 กฎนี้ปิดโอกาสผู้อพยพในการขอลี้ภัย แต่ไม่มีการดำเนินการตามกฎหมายสำหรับผู้ที่ถูกจับได้ว่าพยายามลักลอบเข้าอเมริกา จึงเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้คนเหล่านี้กลับมาทำความผิดซ้ำๆ
หน่วยงานศุลกากรและป้องกันพรมแดนของอเมริการายงานว่า มีผู้เสียชีวิตบริเวณชายแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้ 557 คนในช่วงเวลา 12 เดือนจนถึงวันที่ 30 กันยายนปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าของช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า และสูงสุดนับจากเริ่มเก็บข้อมูลในปี 1998 สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่คืออยู่ในสภาพอากาศร้อนจัด
มาร์เซโล เอ็บราร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก เรียกเหตุการณ์ที่ผู้อพยพในรถบรรทุกเสียชีวิตจากการหายใจไม่ออกว่า “โศกนาฏกรรมในเทกซัส” และกล่าวว่า เจ้าหน้าที่สถานกงสุลของเม็กซิโกจะเดินทางไปเยี่ยมเหยื่อที่โรงพยาบาลเพื่อให้ความช่วยเหลือเท่าที่สามารถทำได้
นอกจากนั้นแม้ยังไม่ชัดเจนว่า ผู้อพยพมาจากประเทศใดและถูกทิ้งไว้ในรถนานเท่าใด ทว่า เอ็บราร์ดเสริมว่า ผู้ที่ถูกนำส่งโรงพยาบาล 2 คนเป็นชาวกัวเตมาลา และกระทรวงการต่างประเทศกัวเตมาลาทวิตว่า เจ้าหน้าที่สถานกงสุลของประเทศตนจะเดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลว่า ใช่พลเมืองของตนหรือไม่และอาการเป็นอย่างไร
แจ็ค สเตตัน อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของแผนกสอบสวนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ สหรัฐฯ เผยว่า ทางหลวงไอ-35 ที่อยู่ใกล้จุดที่พบรถบรรทุก เป็นถนนซึ่งตัดผ่านเมืองซานแอนโตนิโอไปถึงชายแดนเม็กซิโก และเป็นเส้นทางที่อาชญากรนิยมใช้ในการลักลอบค้ามนุษย์ เนื่องจากมีรถบรรทุกจำนวนมากวิ่งผ่าน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2017 มีผู้อพยพ 10 คนเสียชีวิตในรถบรรทุกพ่วงที่จอดทิ้งไว้ในที่จอดรถของห้างวอล-มาร์ทในซานแอนโตนิโอ โดยคนขับถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาค้ามนุษย์ ปี 2003 ผู้อพยพ 19 คนเสียชีวิตในรถบรรทุกที่ร้อนอบอ้าวทางตะวันออกเฉียงใต้ของซานแอนโตนิโอ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้อพยพในบริเวณดังกล่าวเป็นประจำนับจากโศกนาฏกรรมปี 2017
