ในซีกโลกตะวันตก สหรัฐและพันธมิตรนาโต้กำลังจัดประชุมเพื่อวางแผนการต่อสู้กับรัสเซียและจีนอย่างเปิดเผยไม่กระมิดกระเมี้ยนอีกต่อไป ไม่สนใจปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกและในประเทศของตนเอง แต่เน้นภารกิจสงครามเป็นหลัก ด้านเกาหลีเหนือได้มีการเคลื่อนไหวเตรียมรับ บทบาทใหม่ของคู่อริสหรัฐ-เกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่กำลังรุกคืบเข้ามายังเอเชีย ทั้งยังเปิดหน้าชนอย่างชัดเจนแล้วทั้งการทูตและเศรษฐกิจ ทางด้านการทหารก็เริ่มส่อเค้าลางเตรียมปะทะทั้งสองฝ่าย มีการซ้อมรบข่มขู่จากสหรัฐ-เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตอบโต้การซ้อมยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และประกาศเตรียมจัดซ้อมรบต่อเนื่อง ล่าสุดกำลังจะจัดที่ฮาวายในนาม “แปซิฟิกดราก้อน”
วันที่ ๒๙ มิ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวเอพีและเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือรายงานว่า การซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น มีเป้าหมายที่ชั่วร้ายกับเกาหลีเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งของการโหมโรงที่เป็นอันตรายของการจัดตั้ง “นาโต้เวอร์ชันเอเชีย”
รายงานข่าวของเคซีเอ็นเอ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่บรรดาผู้นำของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเข้าร่วมประชุมซัมมิตประจำปีของนาโต้ ในฐานะผู้ส่งเกตการณ์เป็นครั้งแรก ขณะเดียวกัน พวกเขายังจะพบปะกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ หารือกันในประเด็นเกาหลีเหนือ ซึ่งจะเป็นการประชุมไตรภาคีระหว่าง ๓ ชาติครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ๒๐๑๗
นอกจากนี้ ทั้ง ๓ ประเทศยังจะดำเนินการฝึกซ้อมติดตามและตรวจจับขีปนาวุธร่วมกันใกล้เกาะฮาวายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ เป็นการซ้อมรบภายใต้ชื่อ “แปซิฟิกดราก้อน”
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ็นระบุว่า “สหรัฐฯ กำลังมุ่งมั่นในด้านความร่วมมือด้านการทหารกับพวกลูกไล่ โดยไม่ใส่ใจความต้องการด้านความมั่นคงหลักใดๆ เพิกเฉยความกังวลของบรรดาประเทศแถบเอเชีย-แปซิฟิกทั้งหลาย”
ในถ้อยแถลงคล้ายกันที่เผยแพร่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือระบุว่า การซ้อมรบดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความตลบแตลงของสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้เคยเสนอประสานงานทางการทูตและการเจรจาโดยปราศจากการวางเงื่อนไขล่วงหน้า อีกทั้งข่มขู่เกาหลีเหนือที่ทดสอบขีปนาวุธอย่างก้าวร้าว
เกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธหลายต่อหลายครั้งในปีนี้ ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีปใหญ่ที่สุดของพวกเขา และมีความกังวลว่าเปียงยางอาจกำลังเตรียมการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ๒๐๑๗
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต่างเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง ๒ ชาติกลับอยู่ในภาวะมึนตึง สืบเนื่องจากความตึงเครียดในอดีต ต่อกรณีญี่ปุ่นรุกรานเกาหลีใต้ ในช่วงปี ๑๙๑๐ ถึง ๑๙๔๕
วอชิงตันผลักดันให้โซลและโตเกียวร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับเพื่อตอบโต้อิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของจีน
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอรายงาน พร้อมกล่าวหาวอชิงตันกำลังปลุกปั่นสงครามเย็นรอบใหม่ ที่อาจพัฒนาสู่สงครามร้อนได้ทุกเมื่อว่า “อุบายการจัดตั้งพันธมิตรทหารสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อันมีแรงจูงใจจากการคุกเข่าคำนับสหรัฐฯ ของญี่ปุุ่นและเกาหลีใต้ คือหลักฐานของการโหมโรงจัดตั้งนาโต้เวอร์ชันเอเชียที่อันตราย”
ในรายงานของเคซีเอ็นเอ ยังได้เผยแพร่ความคิดเห็นของ คิม ฮโย-มยุง นักวิจัยของศูนย์สังคมระหว่างประเทศเพื่อวิจัยการเมือง ของเกาหลีเหนือ ที่ระบุว่า “นาโต้คือผู้ต้องรับผิดชอบสงครามในยูเครน มีสัญญาณแห่งลางร้ายว่าไม่ช้าก็เร็ว ระลอกคลื่นสีดำในแอตแลนติกเหนือจะทำลายความสงบสุขในแปซิฟิก” เขากล่าว “นาโต้ไม่ได้เป็นสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากข้ารับใช้ยุทธศาสตร์ความเป็นเจ้าโลกของสหรัฐฯ และเป็นเครื่องมือของการรุกรานอย่างโจ่งแจ้ง”
ก่อนหน้านี้ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี คิม จองอึน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการกลางกิจการกองทัพเกาหลีเหนือประจำพรรคแรงงานที่ยาวนานต่อเนื่องหลายวัน การประชุมมีเป้าหมายหารือนโยบายป้องกันประเทศและเพิ่มแสนยานุภาพทางการทหารต่อไป หลังเปียงยางทดสอบยิงมิสไซล์ถี่ยิบมาตั้งแต่ต้นปี สร้างความตึงเครียดให้กับวอชิงตันและโซล
กระประชุมเป็นไปเพื่อตรวจสอบการทำงานด้านการป้องกันประเทศของครึ่งปีแรกประจำปี ๒๐๒๒ และยืนยันภารกิจเร่งด่วนและสำคัญเพื่อขยายความสามารถของกองทัพเกาหลีเหนือและการบังคับใช้นโยบายการป้องกันประเทศที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในรายงานไม่ได้ระบุไปถึงแผนที่ชัดเจน หรือการแสดงความเห็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ หรือเกาหลีใต้ประเทศคู่อริ ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ต่างออกมาแสดงความเห็นไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่า เกาหลีเหนืออาจกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองอีกครั้งในเร็ววันนี้
ชอง ซอง-ชาง(Cheong Seong-Chang) นักวิจัยอาวุโสประจำสถาบันเซจอง(Sejong Institute) ชื่อดังที่มีฐานในกรุงโซล กล่าวแสดงความเห็นว่า ที่ประชุมหารือถึงความก้าวหน้าทางยุทโธปกรณ์ทางการทหาร และแผนในการนำเอายุทโธปกรณ์ที่ถูกทดสอบมาเข้าประจำการ ที่อาจรวมถึงอาวุธมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิก มิสไซล์ร่อนพิสัยไกล และรวมไปถึงมิสไซล์พิสัยข้ามประเทศ ICBM ใหม่ล่าสุดของเปียงยาง
การประชุมคณะกรรมาการกลางของพรรคด้านกองทัพนี้เกิดขึ้นหลังการประชุมใหญ่ทางการเมืองเมื่อต้นเดือนนี้ ที่ประธานาธิบดี คิม จองอึน ออกมายืนยันอย่างชัดเจนถึงการขยายแสนยานุภาพทางการทหารในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาเรียกว่า “สภาพแวดล้อมทางความมั่นคงที่มีความรุนแรงมากขึ้น” พร้อมกับประกาศภารกิจทางการทหารเพิ่มเติม ที่เขากำชับสั่งการให้กองกำลังเกาหลีเหนือและนักวิทยาศาสตร์ทางการทหารต้องทำให้ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ยังได้เรียกประชุมคณะทำงานระดับสูง เพื่อหารือเกี่ยวกับ “โครงสร้างการบริหารภายใน” ปรับขบวนแถวอย่างเข้มงวด
จากการเปิดเผยของสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ การประชุมคณะทำงานระดับสูงเป็นไปเพื่อหารือเกี่ยวกับ การแก้ไข การปรับปรุง และการจัดระเบียบโครงสร้างการบริหารงานทั้งหมดและทุกระดับของพรรคคนงาน โดยไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ปธน.คิม จอง-อึน กล่าวถึง “การธำรงไว้ซึ่งระเบียบวินัย” เป็นการป้องปราม “การละเมิดอำนาจและการใช้อำนาจบาตรใหญ่ในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูง
ขณะเดียวกัน ท่านผู้นำของเกาหลีเหนือกล่าวถึงสถานการณ์โรคระบาด และภัยธรรมชาติภายในประเทศ พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง “เร่งมือแก้ไข” แต่ไม่มีรายงานเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนประเด็นสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคแต่อย่างใด ถึงมีก็คงไม่ออกข่าวเป็นแน่
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประณามการที่สหรัฐจัดการซ้อมรบอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น อีกทั้งยังคงมุ่งมั่น จัดตั้งสหภาพทางทหารระดับเอเชีย หรือระดับภูมิภาคแห่งนี้ ด้วยการใช้โครงสร้างเดียวกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) จนมีการเรียกกันแล้วว่า “นาโต้แห่งเอเชีย”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันยังคงยืนกรานปฏิเสธเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลว่า สหรัฐไม่ประสงค์ทำ “สงครามเย็น” กับฝ่ายใด แต่พฤติกรรมตรงกันข้าม เพราะให้บริวารออกหน้าในเอเชีย-แปซิฟิก เคลื่อนไหวผลักดันยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกผ่านกลุ่มพันธมิตรควอด(QUAD) และออคัส(AUKUS)