การประกาศเคอร์ฟิวตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯรับมือโควิด-19 ได้ผลต่อคนส่วนใหญ่ที่ทำตาม แต่ก็ยังพบมีคนส่วนน้อยที่ยังฝ่าฝืน ซึ่งทำให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งข่าวลือต่างๆที่ออกมา ก็จะถูกดำเนินคดีด้วย อย่างล่าสุดข่าวปลอมเคอร์ฟิว24ชั่วโมง
ล่าสุดวัน (6 เม.ย.63) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการบริหารจัดการการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด -19 ว่าจะยังคงต้องใช้ระบบบริราชการราชการแผ่นดินปกติ รวมถึงมาตรการและแผนงบประมาณต่างๆ ทั้งงบประจำปี 63 และงบกลาง โดยให้รัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลสูงสุด ขอให้ประชาชนเข้าใจ ไว้วางใจ เชื่อมั่นในระบบว่าเราทำงานกันอย่างเต็มที่
“นายกฯเน้นว่าประชาชนต้องสู้ไปด้วยกัน อย่าเชื่อสื่อโซเชียลมีเดีย บางสำนักที่มุ่งสร้างความแตกแยกในสังคม การโทษกันไปมา จนทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ย่อมทำให้มีปัญหา จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่น เราจะนำไปสู่การแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว หลายเรื่อง อย่างเรื่องเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง อย่าแชร์ อย่าเชื่อกันง่าย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
สำหรับผลการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคืนวันที่ 5 เม.ย. ถึงเช้าวันที่ 6 เม.ย.พบว่า มีผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ออกจากเคหสถาน 919 ราย มีการรวมกลุ่มชุมนุม มั่วสุม เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในเคหสถาน 79 ราย ดำเนินคดี 708 คน จะมีการเพิ่มจุดตรวจในคืนวันที่ 6 เม.ย.จาก 836 เป็น 923 จุด ส่วนกรณีคนไทยที่กำลังจะเดินทางกลับประเทศ แต่ติดค้างอยู่ที่สนามบินต่างประเทศ มี 48 ราย แบ่งเป็นญี่ปุ่น 12 ราย เกาหลีใต้ 35 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย
“คนกลุ่มนี้ได้รับการดูแลจากสถานทูตเป็นอย่างดี และวันเดียวกันนี้จะมีเที่ยวบินจากอินโดนีเซียพาคนไทย 111 คน ซึ่งมีการขออนุญาตไว้ก่อนแล้ว มาลงที่สนามบินหาดใหญ่ 16.00 น. มีการเตรียมสถานที่รองรับสำหรับการกักตัวไว้แล้วส่วนนักเรียนเอเอฟเอสจากสหรัฐอเมริกามีการเปลี่ยนเที่ยวบินเดินทางกลับ หรือกลับหลังจากวันที่ 15 เม.ย. ผู้ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยขอให้ไปติดต่อสถานทูตไทยในแต่ละเมือง เพื่อเราจะได้เตรียมรองรับคนที่เดินทางกลับมาตามที่เราสามารถรองรับได้ 200 คนต่อวัน”
เมื่อถามว่า มีการแชร์เอกสารราชการคุมเข้มการระบาดของโควิด -19 จนมีการตีความว่าอาจจะนำไปสู่การเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงโดยเริ่ม 10 เมษายน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นี่คือข้อห่วงใยที่ ศบค.ต้องแถลงข่าวทุกวัน เพื่อจะได้แจ้งข้อเท็จจริง แต่ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงแต่อย่างใด เพราะตอนนี้เพิ่งประกาศเคอร์ฟิว 6 ชั่วโมง ซึ่งทุกคนยังต้องการปรับตัว ยังต้องใช้เวลาดูแลตัวเอง ถ้าทำแล้วตัวเลขติดเชื้อใหม่ลดลง มาตรการอื่นๆไม่ต้องมี แต่ถ้าตัวเลขยังเพิ่มขึ้น แสดงว่ามาตรการที่มียังไม่เพียงพอ ถึงตรงนั้นอาจจะมีการปรับเพิ่ม
“ที่มีการแชร์เอกสารออกไปคงมีการไปเชื่อมโยงกับประกาศปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งท่านชี้แจงว่า เจตนาคือ ต้องการสื่อสารไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่ายปกครองในพื้นที่ เพื่อแปลงจากนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ท่านใช้คำว่าเตรียมการเพื่อยกระดับ ซึ่งเป็นข้อมูลโดยธรรมดา ยังไม่ได้บอกว่ายกระดับ แต่มีสื่อบางคน บางสำนักไปแปลงกันเอง พออ่านเอกสารราชการไม่ออก ก็เป็นตุเป็นตะขึ้นมา จนเกิดผลกระทบ ทำให้คนกักตุนสินค้า เกิดความตื่นตระหนก ถือว่าไม่เหมาะไม่ควร ขอทุกคนถ้าไม่มั่นใจอย่าแชร์ เพราะการแชร์ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงมีโทษ เราจะต้องมีเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากให้ฟังการแถลงของ ศบค.จะดีที่สุด”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่ารัฐมีเงินทำไมจึงหาซื้อไม่ได้ ตัวเขามีเงินหาซื้อได้ หากของที่ได้เป็นของดีก็อนุโมทนาบุญ แต่หลายแห่งซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ กองไว้ที่โรงพยาบาล ถ้าเอาใช้บุคลากรทางแพทย์ติดเชื้อก็ยุ่งอีก ถ้าให้ดีสอบถามผู้รับให้เรียบร้อยจะได้ไม่เกิดดราม่า
ทั้งนี้เมื่อถามว่า การขอบริจาคพลาสม่า หรือ สารประกอบในเลือดจากผู้ที่หายติดเชื้อ นำมาวิจัยเพื่อช่วยผู้ป่วยที่มีอาการหนักอยู่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เรื่องโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มียารักษาโดยตรง และยังไม่มีวัคซีน คนที่หายแล้วจะมีภูมิคุ้มกันในน้ำเหลือง สารประกอบเลือด ประโยชน์ของภูมิคุ้มกันคือ จะช่วยยับยั้งเชื้อของคนที่ป่วย บางรายประสบความสำเร็จ บางรายยังต้องประกอบการรักษาอื่นๆ ขณะนี้สภากาชาดอยู่ระหว่างการวิจัยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ถ้าได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยที่หายแล้วในการนำเข้ามาบริจาคจะถือเป็นเรื่องดี