รัสเซียโชว์ภาพดาวเทียมล็อคเป้า 6ฐานบัญชาการนาโต้ในสหรัฐ-อังกฤษ ถล่มด้วยขีปนาวุธซาร์มัต

0

จากกรณีผู้นำประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก กลุ่ม G-7 พบหารือที่เยอรมนี โดยได้ประกาศจุดยืนร่วมกันในการต่อต้านรัสเซียรุกรานยูเครน พร้อมหารือหนทางต่าง ๆ โดยมีมติห้ามนำเข้าทองคำจากรัสเซียนั้น

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ เบเดน และนายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ โชลซ์ ร่วมประชุมกับผู้นำอังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา อิตาลี ญี่ปุ่นรวมทั้งผู้นำสหภาพยุโรป

ขณะที่ นายกฯ เยอรมนี กล่าวว่า เยอรมนีและสหรัฐฯ จะร่วมมือกันเพื่อเสริมความมั่นคงให้กับยูเครน พร้อมยืนยันว่าการประชุมครั้งนี้ถือเป็นส่งสัญญาณว่า กลุ่ม G-7 และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ มีการร่วมมืออย่างเข้มแข็งกว่าเมื่อก่อน และประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกจะรวมพลังต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมของประธานาธิบดีปูติน พร้อมไปกับการต่อสู้กับปัญหาความอดหยากหิวโหยและความยากจน

อย่างไรก็ตามหลังจากการประชุม G-7 บรรดาผู้นำของทั้ง 7 ประเทศจะเดินทางไปร่วมประชุมองค์การนาโต้ที่กรุงมาดริด สเปน ในสัปดาห์นี้ต่อไป

ล่าสุดวันนี้ 29 มิถุนายน 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาเปิดเผยถึงท่าทีของรัสเซียต่อการกระทำดังกล่าวของกลุ่มจี7และนาโต้ด้วยว่า “รัสเซียโชว์ภาพถ่ายที่ดาวเทียมรัสเซียล็อคเป้าศูนย์บัญชาการนาโต้ไว้เรียบร้อยแล้วให้สาธารณชนดู:

หลังจากประชุม G7 เป็นเวทีใส่ร้ายป้ายสีรัสเซียและประกาศห้ามมิให้บริวารซื้อทองคำจากรัสเซีย ชาตินักล่าอาณานิคมก็จะจัดประชุมนาโต้ เพื่อใส่ร้ายทั้งรัสเซียทั้งจีนอีกรอบ ประชุมหนนี้ ไม่มีอะไรดีกับรัสเซียและจีนเช่นเคย

แถมมีข่าวว่าโจ ไบเดนจะพบปะกับสีจิ้นผิงด้วย การพบปะดังกล่าวนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะอเมริกาคือชาตินักล่าอาณานิคมที่ไม่มีทางจะเจรจาสันติอะไรกับใครได้ นอกจากแสวงหาผลประโยชน์จากการก่อความขัดแย้งให้เกิดอย่างเดียว ขณะนี้ก็กำลังส่งอาวุธพิสัยไกลให้ยูเครนรบกับรัสเซียต่ออีกต่างหาก

รัสเซียจึงนำภาพถ่ายทางดาวเทียมออกมาโชว์ให้เห็นว่าถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์แล้วไซร้ สถานที่บัญชาการของนาโต้ ทั้งในอเมริกา (๒ แห่ง) ทั้งในอังกฤษ (๑ แห่ง) ฯลฯ รวม ๖ แห่ง ถูกรัสเซีย *กำหนดพิกัด* และ *ล็อคเป้า* เอาไว้เตรียมถล่มด้วยขีปนาวุธซาร์มัตไว้เรียบร้อยแล้ว

ไม่แน่ใจว่าเป้าหมายที่เป็นศูนย์บัญชาการในอเมริกาจะเป็นทำเนียบขาวและสำนักงานใหญ่ CIA หรือปล่าวนะครับ เพราะผมเช็คไม่เป็น

แต่อย่าวิตกอะไรนะครับ สงครามไม่น่าเกิดเพราะอเมริกาไม่พร้อม ทั้งอาวุธทั้งเศรษฐกิจ แต่ถ้าเกิดก็คงจำกัดพื้นที่ ประเทศเราอยู่ห่างจากเป้าตั้งเยอะ สบายใจได้ครับ”

นอกจากนี้ยังมีรายงานเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัสเซียได้ทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ซาร์มัต (Sarmat) และประกาศว่าการทดสอบประสบความสำเร็จ ขีปนาวุธที่มีพิสัยการยิงถึง 18,000 กิโลเมตร ซึ่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า ทรงพลังมากที่สุดในโลก

ขีปนาวุธข้ามทวีปซาร์มัต สามารถติดตั้งเข้ากับยานร่อนไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Glide Vehicle) อาวอนการ์ด (Avangard) โดยอาวอนการ์ด ถูกบรรจุเข้าประจำการในช่วงปลายปี 2020 ยานร่อนชนิดนี้ สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือเสียงกว่า 20 เท่า มีระบบเก็บเสียงที่เพิ่มประสิทธิภาพในการหลบหลีกการตรวจจับ ทำให้ขีปนาวุธรุ่นนี้เจาะผ่านระบบป้องกันได้ทุกระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันและกำลังจะติดตั้งในอนาคต

รัสเซียยังประกาศย้ำว่าขีปนาวุธ ซาร์มัต โจมตีเป้าหมายที่ไหนก็ได้ในโลก ซึ่งครอบคลุมทุกหัวเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้งมีความเร็วสูงสุด 20.7 มัค ทั้งยังยังบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้อย่างน้อย 10 หัว ซึ่งขีปนาวุธซาร์มัต ถูกเปิดตัวระหว่างขบวนพาเหรดในรัสเซียเมื่อปี 2019 พร้อมกับขีปนาวุธเหนือเสียงคินซาล และอาวอนการ์ด

สำหรับสหรัฐฯ ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกได้ โดยกองทัพสหรัฐฯ ของบประมาณ 3.8 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ สำหรับการพัฒนาอาวุธความเร็วเหนือเสียง และอีก 246.9 ล้านดอลลาร์สำหรับการวิจัยการป้องกันอาวุธความเร็วเหนือเสียง

“อาวุธไฮเปอร์โซนิกของสหรัฐฯส่วนใหญ่แล้วยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาหรือทดสอบ แต่กำลังจะมีอาวุธชิ้นหนึ่งเข้าสู่สถานะ ‘ความสามารถในการปฏิบัติการเบื้องต้น’ (Initial Operational Capability) ได้ในปีนี้ แต่อาวุธไฮเปอร์โซนิกของสหรัฐฯ ติดตั้งได้เพียงหัวรบแบบธรรมดา ไม่ใช่หัวรบนิวเคลียร์”

ด้าน พล.อ. เซอร์เก คาราเคฟ (Sergei Karakev) ผู้บัญชาการกองกำลังยุทธศาสตร์ของรัสเซีย เปิดเผยว่า ขีปนาวุธจากของรัสเซียสามารถมีวิถีการยิง ที่ข้ามขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ และยังสามารถยิงในวิถีอื่นๆได้

“ด้วยอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักของระบบขีปนาวุธใหม่ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีการยิงได้ จากเดิมที่วิถีการยิงผ่านขั้วโลกเหนือที่เลื่องชื่อของเราที่มีอยู่แล้วนั้น หากจำเป็น เราจะเปลี่ยนวิถีการยิงให้ผ่านขั้วโลกใต้ ซึ่งโดยหลักการ ขั้วโลกใต้ยังไม่ได้รับการปกป้องในปัจจุบัน และยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีวิถีการยิงในทิศทางอื่นๆ” พล.อ. คาราเคฟ กล่าว