จากกรณีที่ลิทัวเนีย ประกาศไม่ให้รัสเซียใช้ช่องสุวาลกิขนส่งสินค้า โดยผู้นำบอกว่า ไม่กลัวกับการถูกตอบโต้ทางการทหารจากรัสเซีย
คาลินินกราด คือ แคว้นของรัสเซียที่อยู่บนทะเลบอลติก ถูกล้อมรอบด้วยประเทศที่เป็นสมาชิกนาโตอย่างโปแลนด์และลิทัวเนีย และไม่มีพื้นที่ส่วนใดติดกับแผ่นดินใหญ่รัสเซียเลย การเดินทางเข้าออกคาลินินกราดต้องทำผ่านเส้นทางแคบๆ ที่เรียกว่าช่องสุวาลกิ ซึ่งตัดผ่านประเทศลิทัวเนีย ที่ผ่านมาการใช้ช่องแคบนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ชาวรัสเซียรวมถึงสินค้าต่างๆ สามารถผ่านเข้า-ออกช่องสุวาลกิได้ตามข้อตกลงที่ลิทัวเนียทำไว้กับรัสเซีย
จนกระทั่งเกิดสงครามในยูเครนขึ้น สหภาพยุโรปได้มีการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียถึงหกชุด ส่งผลให้ลิทัวเนียซึ่งเป็นสมาชิกอียูต้องบังคับใช้มาตรการด้วย โดยลิทัวเนียออกประกาศห้ามไม่ให้รัสเซียนำสินค้าบางประเภท เช่น ก๊าซธรรมชาติ วัสดุก่อสร้าง และสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงผ่านช่องสุวาลกิเข้าไปยังคาลินินกราด เรื่องนี้ ทำให้รัสเซียไม่พอใจอย่างหนัก
ซึ่งทางด้านของ นิโคไล พาทรูเชฟ ประธานสภาความมั่นคง คนใกล้ชิดของประธานาธิบดีปูตินประกาศว่า รัสเซียจะทำการตอบโต้ลิทัวเนียอย่างเจ็บปวดและสาสม
ล่าสุดมีรายงานว่า Killnet ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ของรัสเซีย อ้างความรับผิดชอบในการโจมตีทางไซเบอร์ต่อลิทัวเนียว่า “เราจะโจมตีจนกว่าลิทัวเนียจะยกเลิกการปิดล้อมคาลินินกราด” โฆษกของ Killnet กล่าว
ทั้งนี้ คาลินินกราดเป็นดินแดนของรัสเซียซึ่งถูกล้อมรอบด้วยลิทัวเทียและโปแลนด์ ขณะที่รัฐบาลลิทัวเนียมีคำสั่งห้ามขนส่งสินค้าที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหภาพยุโรป (EU) ผ่านเขตแดนลิทัวเนีย ส่งผลคาลินินกราดถูกปิดล้อม โดยไม่สามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟเชื่อมดินแดนดังกล่าวกับพื้นที่ส่วนที่เหลือของรัสเซีย
ด้านศูนย์ความมั่นคงด้านไซเบอร์แห่งชาติลิทัวเนีย (NCSC) ออกแถลงการณ์ระบุว่า หน่วยงานของรัฐบาลรวมทั้งสถาบันของภาคเอกชนหลายแห่งถูกโจมตีทางไซเบอร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นเครือข่ายการสื่อสารสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่สร้างขึ้นเพื่อต่อต้านสงครามและวิกฤตอื่นๆ และมีแนวโน้มว่าการโจมตีดังกล่าวจะมีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายวันข้างหน้า โดยเฉพาะในภาคการขนส่ง พลังงาน และภาคการเงิน” NCSC ระบุ
ทั้งนี้ แฮกเกอร์ได้ทำการโจมตีที่เรียกว่า Denial of Service หรือ DoS โดยการส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลไปยังเป้าหมายเพื่อทำให้การรับ-ส่งข้อมูลเกิดภาวะคอขวดจนไม่สามารถให้บริการต่อผู้ใช้งานได้
สำหรับประเภทของแฮ็กที่เป็นปัญหาเรียกว่าการโจมตีแบบปฏิเสธบริการแบบกระจาย ซึ่งทำให้เว็บไซต์ที่มีทราฟฟิกปลอมจำนวนมากล่มจนออฟไลน์ เป็นเครื่องมือทั่วไปที่ “hacktivists” ชื่นชอบ เช่น Killnet ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นนักแสดงนอกภาครัฐที่ทำการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตด้วยสาเหตุทางการเมือง