ยังคงน่าติดตามอย่างใกล้ชิด กับสถานการณ์ของกองทัพยูเครน ที่ก่อนหน้านี้ออกมาเกณฑ์ประชากรจำนวนมาก ไปร่วมลงสมรภูมิรบกับรัสเซีย โดยมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง รวมทั้งยังมีนักโทษที่เพิ่งพ้นจากเรือนจำด้วย โดยทางกองทัพยูเครน ยืนยันจะกวาดต้อนผู้คนให้ได้มากที่สุด พร้อมระบุว่าหากไม่ปฏิบัติตาม จะต้องมีโทษปรับและจำคุกนานถึง 10 ปีด้วย
แต่ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงประท้วงจากครอบครัวทหารยูเครน ที่ต้องสูญเสียกำลังพลรายวัน เนื่องมาจากขาดแคลนอาวุธรบ เพราะมีจำนวนหลายบ้านที่ต้องหาอุปกรณ์ป้องกันให้สามีออกไปร่วมลงสมรภูมิ จึงทำให้หลายครอบครัวไม่พอใจว่า ผู้นำยูเครน ไม่รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ ว่าหากเกณฑ์คนไปรบ จะดูแลกำลังพลเป็นอย่างดี
ล่าสุดดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์คลิปวีดีโอ และข้อความผ่านทาง blockdit ระบุว่า “ทหารยูเครนพากันเปลี่ยนข้างมาช่วยรัสเซียรบ เพราะระหว่างช่วยรัฐบาลยูเครนรบได้พบเห็นสิ่งไม่ชอบมาพากลหลายอย่างของฝ่ายรัฐบาล”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าวิตาลี คลิทช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟเปิดเผยว่า รัสเซียได้โจมตีกรุงเคียฟอย่างหนัก ทำให้เกิดเพลิงไหม้อาคารที่พักอาศัยสูง 9 ชั้น ขณะที่ทีมกู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือและอพยพผู้พักอาศัยออกจากอาคารทั้ง 2 แห่ง และเร่งช่วยผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังแล้ว ทั้งนี้เหตุโจมตีดังกล่าวนับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ในกรุงเคียฟเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. และตอนนี้รัสเซียได้เข้าควบคุมเมืองเซเวอโรโดเนตสก์ได้แล้ว ทำให้มีการคาดการณ์ว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะมีกำลังพลทหารยูเครน ยอมจำนนอีกเป็นจำนวนมาก