จากที่เพจ World Maker ได้รายงานถึงสถานการณ์เกมการคว่ำบาตรรัสเซียของกลุ่มประเทศตะวันตก โดยให้จับตาหนี้รัสเซีย เพราะล่าสุดมีรายงานออกมาว่าระยะเวลาผ่อนผัน 30 วันสำหรับการชำระหนี้พันธบัตรของรัสเซียจะหมดลงนั้น
ทั้งนี้เนื้อหาที่ เพจ World Maker ได้โพสต์เปิดเผยไว้มีความน่าสนใจบางช่วงว่า “เงินที่รัสเซียจ่ายไปแล้วยังติดค้างอยู่ที่ธนาคารของยุโรปไม่ส่งถึงมือเจ้าหนี้เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาล ส่วนทองคำ 3 ตันของสวิสล่าสุดก็เฉลยแล้ว แท้จริงมาจากอังกฤษ แต่แปรรูปจากรัสเซีย
ศุลกากรของสวิสออกมาเปิดเผยว่าทองคำดังกล่าวแท้จริงแล้วส่งมาจากอังกฤษ แต่ที่บันทึกว่ามาจากรัสเซีย เพราะเป็นทองคำที่ผลิตและแปรรูปออกมาจากรัสเซีย ซึ่งหมายความว่าสวิสไม่ได้ซื้อจากรัสเซียโดยตรง แต่เป็นทองคำรัสเซียเก่าที่อาจหมุนเวียนอยู่ในตลาดโลกนั่นเอง ถือว่าหายข้องใจกันไปสำหรับทองคำมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์”
ล่าสุดเมื่อวันนี้ 2 มิถุนายน 2565 เพจ Thailand Vision ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยถึงสถานการณ์คว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากกลุ่มประเทศ หรือ จี7 ว่า
“สื่อต่างประเทศรายงานว่า สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และแคนาดาจะสั่งห้ามการนำเข้าทองคำรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะกระชับมาตรการคว่ำบาตรเพื่อบีบรัฐบาลมอสโกฐานรุกรานยูเครน รัฐบาลอังกฤษกล่าวเมื่อวันอาทิตย์จากการรายงานของรอยเตอร์
คำสั่งห้ามจะมีผลบังคับใช้ในไม่ช้า และนำไปใช้กับทองคำที่ขุด หรือแยกสกัดใหม่ คำแถลงของรัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าวก่อนการประชุมผู้นำ Group of Seven (G7) ในเยอรมนีในวันอาทิตย์ โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อทองคำที่ส่งออกจากรัสเซียก่อนหน้านี้
รัฐบาลกล่าวว่าการส่งออกทองคำของรัสเซียมีมูลค่า 12.6 พันล้านปอนด์ (15.45 พันล้านดอลลาร์) ในปีที่แล้ว และเมื่อเร็ว ๆ นี้ชาวรัสเซียผู้มั่งคั่งได้ซื้อทองคำแท่งเพื่อลดผลกระทบทางการเงินจากการคว่ำบาตรจากตะวันตก
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจัก ระบุในถ้อยแถลงว่า “มาตรการที่เราได้ประกาศในวันนี้จะกระทบต่อผู้มีอำนาจของรัสเซียโดยตรง และโจมตีหัวใจของเครื่องจักรสงครามของปูตินเราจำเป็นต้องบั่นทอนทุนรัฐบาลของปูตินให้แร้นแค้นลง สหราชอาณาจักร และพันธมิตรของเรากำลังทำเช่นนั้น”
ความคิดริเริ่มล่าสุดเกิดขึ้นจากการระงับการรับรองมาตรฐานของโรงแยกสกัด 6 แห่งของรัสเซีย โดยสมาคมตลาดทองคำแท่งลอนดอน (LBMA) ในเดือนมีนาคม”
ขณะที่ เอเอฟพีรายงานด้วยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2565 การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม จี7 ของปี 2565 เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้วระหว่างวันที่ 26-28 มิถุนายน ที่โชลส์ เอลเมา เทือกเขาบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี
โดยในปีนี้ บรรดาผู้นำสูงสุดจาก 7 ชาติที่ร่ำรวยที่สุด ต่างเข้าร่วมอย่างพ้อมเพรียง ได้แก่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา, นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ, ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ของอิตาลี, นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา,
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น และนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม พร้อมผู้นำพิเศษอย่างเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย
การห้ามการนำเข้าทองคำจากรัสเซีย ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในวันแรกของการประชุม เพราะว่าทองคำเป็นสินค้าส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 ของรัสเซีย และเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินและพวกพ้อง
จากข้อมูลของฝั่งสหรัฐฯ รัสเซียมีสัดส่วน 5% ของการส่งออกทองคำทั่วโลกในปี 2563 และ 90% ของปลายทางการส่งออกของรัสเซียคือบรรดาประเทศกลุ่ม จี7 โดยลูกค้าใหญ่คือสหราชอาณาจักร
นอกจากห้ามการนำเข้าทองคำจากรัสเซียแล้ว มาตรการบีบบังคับให้ผู้ผลิตน้ำมันตรึงราคาไม่ให้พุ่งสูงตามกระแสโลก, การสนับสนุนความช่วยเหลือทางการทหารเพิ่มขึ้นแก่ยูเครน, การลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย รวมถึงการเฝ้าระวังท่าทีของจีนมากขึ้น เพราะจีนเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ กล่าวว่า “การดำเนินการร่วมกันของอังกฤษ, แคนาดา, ญี่ปุ่นและสหรัฐ จะมุ่งเป้าไปที่ผู้มีอำนาจมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย และโจมตีใจกลางเครื่องจักรสงครามของ (ประธานาธิบดีวลาดิมีร์) ปูติน” ทองคำมีมูลค่าราว 12,600 ล้านปอนด์ สำหรับเศรษฐกิจรัสเซียในปี 2564 เป็นสินทรัพย์หลบภัยที่ดีในยามที่โลกเกิดสถานการณ์วุ่นวาย และเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของรัสเซีย
อย่างไรก็ตามทีมข่าวเดอะทรูธ ตรวจสอบพบว่า กลุ่ม 7 หรือในอดีตคือ กลุ่ม 8 เป็นกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ประกอบไปด้วยประเทศสมาชิก 7 ประเทศคือ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีประธานแห่งสหภาพยุโรปร่วมประชุมด้วย
ในปี 2014 จากบทบาทของรัสเซียในวิกฤตการณ์ไครเมีย ทำให้รัสเซียถูกพักจากการเป็นสมาชิกกลุ่ม และประเทศที่เหลือได้มีการจัดประชุมในนามกลุ่ม 7 อีกครั้ง