ฮังการีตีแสกหน้าวงอียู ฟันธง! ยุโรปแพ้รัสเซีย ยิ่งคว่ำบาตรยิ่งลำบากเอง แต่มอสโกอยู่สบาย

0

จากกรณีการสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่เริ่มต้นมีการตั้งโต๊ะเจรจากัน แต่ท้ายที่สุดก็ล้มเหลว กระทั่งชาติตะวันตกที่นำโดยสหรัฐ ก็ออกมาปลุกระดมให้กลุ่มประเทศยุโรปร่วมกันคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งผลกระทบกลับเกิดขึ้นกับประเทศที่คว่ำบาตรเอง

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวของประเทศสมาชิกสหภาพยุดรป โดยการเปิดเผยของเพจ Thailand Vision ที่ระบุแหล่งที่มาของข่าวสารโดยโพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กบางช่วงว่า

“สื่อต่างประเทศรายงานในวันนี้ 24 มิถุนายนว่า ผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรี วิกเตอร์ ออร์บาน แห่งฮังการีออกมาเรียกร้องวานนี้ ให้สหภาพยุโรป (อียู) หยุดเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรกดดันรัสเซีย แต่ควรสนับสนุนให้ทั้งมอสโก และเคียฟทำข้อตกลงหยุดยิง และเริ่มต้นกระบวนการเจรจาสันติภาพ

ระหว่างการประชุมซัมมิตอียูซึ่งได้มีการประกาศรับรองสถานะ ผู้สมัครสมาชิกให้แก่ยูเครน ผู้ช่วยนายกฯ ฮังการีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ยิ่งอียูคว่ำบาตรรัสเซียมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างความเดือดร้อนต่ออียูเองมากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่รัสเซียยังคงอยู่รอดได้

“ท้ายที่สุดแล้ว ยุโรปจะเป็นฝ่ายแพ้สงครามครั้งนี้เพราะปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งที่เราอยากจะแนะนำคือ อียูควรหยุดกระบวนการคว่ำบาตรเสีย” บาลาซ ออร์บาน ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสนิท ทว่าไม่ได้เกี่ยวดองเป็นญาติกับนายกฯ ฮังการีแต่อย่างใด ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์

ฮังการีขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งในชาติอียูที่มีจุดยืนฝักใฝ่รัสเซียมากที่สุด และต้องพึ่งพาทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในปริมาณมหาศาล

รัสเซียมีโครงการสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในฮังการี ขณะที่รัฐบาลบูดาเปสต์ก็เคยขัดขวางแพ็กเกจคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียของอียูมาแล้ว กระทั่งเจรจาขอรับการยกเว้นนำเข้าได้สำเร็จ

“สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ก็คือ ยิ่งเราคว่ำบาตรพวกเขามากเท่าไหร่ เศรษฐกิจของเราก็ยิ่งแย่ลง ถามว่า คนรัสเซียเดือดร้อนไหม? แน่นอนพวกเขาเจ็บปวด แต่ก็ยังอยู่รอดได้ และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ พวกเขายังสามารถรุกคืบยึดดินแดนยูเครนได้มากขึ้นด้วย” บาลาซ ออร์บาน ระบุ

“เราเดินมาถึงจุดที่ควรตระหนักได้ว่า เราใช้ยุทธศาสตร์นี้มา 4 เดือนแล้ว แม้จะประสบความสำเร็จบ้าง แต่ถ้ามองกันด้วยเหตุด้วยผล หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปยุโรปจะเป็นฝ่ายเดือดร้อน ดังนั้นเราต้องมองแนวทางอื่นๆ บ้าง เช่น การเจรจา การหยุดยิง สันติภาพ และการทูต นั่นคือทางออกสำหรับเรา”

นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. กลุ่ม 27 ชาติอียูได้ออกแพกเกจคว่ำบาตรมอสโกมาแล้ว 6 ครั้ง ซึ่งรวมถึงการอายัดทรัพย์สิน และแบนวีซ่าพวกนักธุรกิจทรงอิทธิพล (oligarchs) และเจ้าหน้าที่รัฐบาลหมีขาว ควบคุมการส่งออก อายัดทรัพย์สินธนาคารกลางรัสเซีย ตัดสถาบันการเงินรัสเซียออกจากเครือข่ายธุรกรรมการเงิน SWIFT และห้ามการนำเข้าน้ำมัน และถ่านหินจากรัสเซีย

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยุโรปบางคนออกมาเตือนว่า พวกมหาเศรษฐีรัสเซียอยู่ได้โดยไม่ต้องมีเรือยอตช์ หรือบ้านพักหรูในยุโรป และอาจจะยักย้ายถ่ายโอนสินทรัพย์สภาพคล่อง (liquid assets) จำพวกเงินสดออกจากอียูไปแล้วก็เป็นได้ ส่วนมาตรการจำกัดการส่งออกก็อาจจะถูกหลบเลี่ยงโดย จีน หรือประเทศคู่ค้าของรัสเซียรายอื่นๆ

การที่ยุโรปอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนต่อมอสโกมากนัก เพราะทุกวันนี้รัสเซียยังมีรายได้วันละหลายพันล้านดอลลาร์จากการขายน้ำมัน และก๊าซให้ยุโรป และต่อให้ยุโรปหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียอย่างสิ้นเชิงในปีหน้า น้ำมันดิบเหล่านี้ก็ยังสามารถส่งขายให้ จีน หรือ อินเดีย ได้อยู่ดี”