สงครามตัวแทนในสมรภูมิยูเครนส่อเค้าลางพ่ายแพ้รัสเซียอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สหรัฐและพันธมิตรนาโต้ตลอดจนกองทัพหัวรุนแรงของยูเครนมีแต่ถอยร่น สูญเสียกำลังพลจำนวนมาก นักสู้ในนามอาสาสมัครไร้สังกัดที่ถูกจับได้ โดนโทษประหารเพราะเป็นกองกำลังเถื่อนไม่มีกฎหมายรองรับ
สหรัฐฯยังส่งความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่ไปยังยูเครนมีมูลค่ากว่า ๔๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งรวมถึงระบบจรวดขั้นสูงอีก ๔ ระบบเพื่อใช้ต่อสู้กับกองกำลังของรัสเซีย ก่อนหน้านี้ถูกรัสเซียทำลายยับ ของใหม่ๆถูกยึดนำมาให้กองกำลังโดเนตสก์และลูฮันสก์ใช้
การศึกครั้งนี้แม้แต่นายทหารสหรัฐ และผู้ตรวจการอาวุธสหประชาชาติต้องออกปากเตือนว่าจะพ่ายแพ้และล่มสลาย แต่คงไม่มีใครฟังทั้งสหรัฐและนาโต้หน้ามืดเสียแล้ว ระดมกำลังพันธมิตรคว่ำบาตรสุดลิ่ม รัสเซียกลับแข็งแกร่งกว่าเดิม พร้อมมีพันธมิตรเปิดตัวเคียงข้างมากขึ้นเรื่อยๆ
วันที่ ๒๔ มิ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า สกอตต์ ริตเตอร์ อดีตผู้ตรวจการอาวุธของสหประชาชาติ ชี้ให้เห็นว่าผลของการสู้รบในสงครามยูเครน ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐกำหนด ที่มุ่งเป้าในการ ‘ทำให้รัสเซียอ่อนแอ’ สงครามตัวแทนของวอชิงตันในยูเครนค่อยๆ ปลดอาวุธทหารของประเทศสมาชิกนาโต้อย่างช้าๆ รัสเซียสามารถพร่ากำลังรบและอาวุธหนักได้นาโต้ก็มีแต่จบเห่
อดีตผู้ตรวจสอบอาวุธของ UN กล่าวว่าชัยชนะของรัสเซียเหนือยูเครนจะทำให้พันธมิตรนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ ต้องยุติบทบาทและล่มสลายในที่สุด
สก็อตต์ ริตเตอร์เคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนักวิจารณ์ชั้นนำของการบุกอิรักของสหรัฐฯ ในปี ๒๕๔๖ ได้ให้สัมภาษณ์ในช่อง YouTube รายงาน The Left Lens เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย
เขากล่าวว่าการตัดสินใจของ NATO ที่จะเดิมพันความน่าเชื่อถือในการสนับสนุนเคียฟในสงครามตัวแทนกับมอสโกว์ หลังจากพบกับความอัปยศ ในอัฟกานิสถาน ได้พิสูจน์ว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดและเป็นเวรเป็นกรรม
เขาย้ำว่า “นาโต้และสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความพ่ายแพ้ทางศีลธรรมและทางกายภาพด้วยน้ำมือของรัสเซีย ซึ่งอาจหมายถึงจุดจบของ NATOต่อโลก” “ฉันไม่คิดว่า NATO จะรอดจากสิ่งนี้”
“นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะล่มสลายในวันพรุ่งนี้ ฉันคิดว่าผู้คนลืมไปว่าในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว สหรัฐและนาโต้ได้รับความอับอายอย่างใหญ่หลวง จากการถอนตัวจากอัฟกานิสถาน” “และตอนนี้พวกเขาได้ยืนหยัดเพื่อเผชิญหน้ากับรัสเซีย กล้าต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย และพวกเขาจะพ่ายแพ้โดยไม่ทันได้ต้องต่อสู้เลย”
รัสเซียเตือนในช่วงหลายเดือนก่อนเกิดความขัดแย้งว่า จะไม่ยอมให้ NATO ขยายพื้นที่สมาชิกไปทางตะวันออกเพื่อรวมยูเครน ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ สามารถตั้งขีปนาวุธห่างจากมอสโกว์เพียง ๓๐๐ ไมล์ ตอนนี้สวีเดนและฟินแลนด์ซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย ได้สมัครเป็นสมาชิกแล้ว โดยไม่ได้นำประเด็นนี้ไปลงประชามติในที่สาธารณะ เท่ากับนาโต้จงใจคุกคามรัสเซียถึงหน้าประตูบ้าน
ริตเตอร์ ย้ำประเด็นที่เขาเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า กองกำลังรัสเซียกำลังทำลายอาวุธที่ส่งมาจากสมาชิก NATO เพื่อยืดเวลาสงครามในยูเครน และตอนนี้เคียฟกำลังขอบริจาคอุปกรณ์มากกว่าที่กองทัพยุโรปตะวันตกส่วนใหญ่มีครอบครอง
เขากล่าวว่า “เมื่อรัสเซียเสร็จสิ้นภารกิจสิ่งนี้ รัสเซียจะมีกองทัพที่ช่ำชอง และเชี่ยวชาญรบมาก กลายเป็นกองทหารที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก เผชิญหน้ากับกองกำลังของ NATO ที่ได้รับการฝึกฝนมาไม่ดี การนำก็ไม่ดี และเดาว่าตอนนี้มีอุปกรณ์ที่แย่เพราะพวกเขา ให้อาวุธทั้งหมดของพวกเขาไปในสมรภูมิยูเครนแล้ว”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียได้รับประสบการณ์อันมีค่าในความขัดแย้งครั้งใหญ่ในจอร์เจียและซีเรีย ซึ่งระบบอาวุธล่าสุดของพวกเขาได้รับการพิสูจน์ในการต่อสู้มานับครั้งไม่ถัวน
ที่น่าแปลกก็คือ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนายพลเกษียณที่ทำงานให้บริษัทเรเธียน (Raytheon) ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ ก่อนได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาลปธน.โจ ไบเดน ได้เปิดเผยในเดือนเมษายนว่าเป้าหมายของวอชิงตันในการติดอาวุธให้กับยูเครนคือ “การทำให้รัสเซียอ่อนแอลง” แต่ผลมันเป็นตรงกันข้าม เท่ากับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๐ มิ.ย.ที่ผ่านมา พันเอกดักลาส แมคเกรเกอร์แห่งกองทัพสหรัฐฯ(retired US Army Colonel Douglas MacGregor) ที่เกษียณอายุแล้วบอกกับทักเกอร์ คาร์ลสันของ Fox News ว่าฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กำลังส่งอาวุธไปยังยูเครนเพิ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงการรับรู้ และปิดบังสังคมโลกว่าแพ้สงครามตัวแทนในยูเครนแล้ว
แมคเกรเกอร์กล่าวย้ำว่า “มันยากนะ เมื่อคุณต้องดูอะไรไร้สาระแบบนี้ นี่อาจเป็นมาตรการรักษาหน้าในส่วนของฝ่ายบริหารปธน.สหรัฐที่ไม่อยากยอมรับว่าสงครามครั้งนี้แพ้ไปนานแล้ว”