หลังจากที่ทางการรัสเซีย ได้ออกมาเตือนประเทศลิทัวเนีย ภายหลัง ลิทัวเนียระงับขบวนรถไฟจากคาลินินกราด ว่าครั้งนี้ลิทัวเนียจะได้รับผลกระทบที่ตามมาอย่างร้ายแรงแน่นอน ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า นี่เป็นแผนการที่ยั่วโมโหปูติน เพื่อนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และสหรัฐฯเอง ก็มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วย
ล่าสุดประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เปิดเผยว่า รัสเซียจะเสริมความแข็งแกร่งและปรับปรุงกองกำลังและอาวุธให้ทันสมัยยิ่งขึ้น รวมถึงการนำ “ซาร์มัต (Sarmat)” ซึ่งเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่รัสเซียใช้เวลาพัฒนามานาน ซึ่งสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้มากกว่า 10 หัวรบ มาใช้งานจริงภายในสิ้นปี 2022 นี้ ความเห็นจากปูตินนี้เกิดขึ้นระหว่างการพบปะทางไกลกับบัณฑิตที่จบใหม่จากวิทยาลัยการทหาร “มีการวางแผนว่าภายในสิ้นปีนี้ อาวุธที่ซับซ้อนนี้จะถูกนำมาเข้าประจำการเพื่อใช้ในการต่อสู้”
รัสเซียประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปซาร์มัตในเดือน เม.ย. โดยยิงทดสอบจากเพลเซตสก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ไปยังเป้าหมายในเมืองคัมชัตกา ซึ่งอยู่เกือบอีกฟากหนึ่งของประเทศ รวมยิงไปได้ไกลเกือบ 6,000 กิโลเมตร
ซาร์มัตได้รับการพัฒนามาหลายปีแล้ว และได้รับการออกแบบมาเพื่อมาแทนที่ขีปนาวุธ S-18 ซึ่งเป็นอาวุธรุ่นเก่าที่ใช้เทคโนโลยีตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต โดยมันสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้มากขึ้น มีพิสัยไกลขึ้น ทำให้สามารถหลบเลี่ยงระบบเรดาร์และระบบป้องกันขีปนาวุธส่วนใหญ่ได้
ประธานาธิบดีรัสเซียเคยยกย่องขีปนาวุธซาร์มัตว่าเป็น “อาวุธที่มีเอกลักษณ์อย่างแท้จริง” ซึ่งจะทำให้รัสเซีย “ปลอดภัยจากภัยคุกคามภายนอก” และเขาบอกว่า ซาร์มัตจะทำให้ผู้ที่พยายาม “คุกคาม” รัสเซียต้อง “คิดให้มากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวเสริมว่า การวางกำลังพลครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกองทัพรัสเซียที่ใหญ่ขึ้น กองทัพได้เริ่มนำระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-500 และระบบป้องกันขีปนาวุธ “ที่ไม่มีใครในโลกทัดเทียม” มาใช้แล้ว ซึ่งจะสามารถสกัดกั้นอากาศยาน ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก และ ICBM ได้ “เราจะพัฒนาและเสริมกำลังกองทัพของเราต่อไป จากการคำนึงถึงภัยคุกคามและความเสี่ยงทางทหารที่อาจเกิดขึ้น”
