สุดช็อค! สาวไทยโพสต์แชร์ วุ่นในสนามบินอังกฤษ เหตุพนง.ประท้วงหยุดงาน ทำขึ้นเครื่องไม่ทัน-กระเป๋าหาย!
จากกรณีที่กรุงบรัสเซลล์ ของเบลเยี่ยม ได้มีม็อบสหภาพแรงงานจำนวนมากเรือนแสนเดินทางหลั่งไหลเป็นคลื่นมนุษย์เข้าเมืองหลวง ประท้วงค่าครองชีพแพงใน ส่งผลให้ระงับบริการรถบัสทั่วประเทศจำนวนมาก สนามบินไม่อนุญาตให้เที่ยวบินขาออกเดินทาง เนื่องจากความไม่ปลอดภัย จนอลหม่านไปทั่ว ส่วนขนส่งสาธารณะเปิดให้บริการบางส่วนเท่านั้น
ในขณะที่ประเทศอังกฤษ พนักงานการรถไฟของอังกฤษได้เริ่มการประท้วงหยุดงานของพนักงานรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 30 ปี เพื่อประท้วงปัญหาวิกฤตค่าครองชีพซึ่งเกิดจากเงินเฟ้อที่กำลังรุนแรงขึ้น โดยคาดว่าพนักงานการรถไฟในสหภาพแรงงานการรถไฟ การเดินเรือ และการขนส่งแห่งชาติอังกฤษ (อาร์เอ็มที) มากกว่า 50,000 คน จะหยุดงานเป็นเวลา 3 วันในสัปดาห์นี้
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2565 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวไทย โพสต์เล่าประสบการณ์ในการเดินทาง และเป็นตัวอย่างและเตือนสำหรับคนที่จะเดินทางไปยุโรปในช่วงนี้ เพื่อที่จะได้เตรียมรับมือและวางแผนในการเดินทาง เมื่อเกิดเหตุวุ่นวายที่สนามบินในประเทศอังกฤษ ทั้งกระเป๋าหาย เที่ยวบินถูกยกเลิก โดยมีการแชร์โพสต์ข่าว ที่สนามบินฮีทโธรว์ มีการผิดพลาดทางเทคนิคทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากบินออกไปโดยไม่มีกระเป๋าเดินทาง โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
เพิ่งผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาหยกๆอย่างแสนสาหัสมาค่ะ กว่าจะรอดมาได้และได้ยิ้มสดใสในวันนี้ บอกได้เลยว่า ตั้งแต่เกิดมาและเป็นเจ้าของธุรกิจนำเที่ยวโรงแรมรีสอรต์ มาหลายสิบปี ก็มีคราวนี้แหล่ะค่ะ ที่เจอหนักที่สุด ทั้งกระเป๋าหาย ส่วนใบที่ไม่หายก็ล้อหลุด แตก พังเพราะโดนกระแทกอย่างแรง ทุกใบ ไหนจะวิ่งไปรอรับกระเป๋า คิวก็ยาวจนหากระเป๋าไม่ทัน ส่วนที่ทันก็ไม่เจอ ส่วนที่เจอก็พัง ชำรุด แบบไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งคับแค้นใจ จะทำเวลาให้ทันก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะทานข้าว ต้องซื้อตั๋วใหม่เพราะตกเครื่องเนื่องจากต้องเข้าคิวยาวเพราะพนักงานประท้วง ไม่มีคนมาทำงาน
จองชั้นธุรกิจไป สุดท้ายได้ที่นั่งชั้นประหยัด(ก็บุญแล้วที่ยังได้ที่นั่ง)ส่วนชั้นธุรกิจนั้นสามีกลับได้นั่งคนเดียว3ที่ เดินทางไปกับที่นั่งว่างเปล่าในชื่อของลูก-เมีย ที่ตกเครื่อง ต้องมาอีกลำ)(นึกภาพตามนะค่ะ กว่าจะได้ตั๋ว ต้องวิ่งหาทุกสายการบิน สองแม่ลูกไปทะเลาะกับฝรั่ง ลูกคุยค่ะเพราะคุยภาษารู้เรื่องส่วนแม่ทะเลาะค่ะ เพราะคุยแล้วคุยไม่รู้เรื่อง)และต้องทำเองสองคนแม่ลูกทั้งๆที่ชีวิตมีแต่คนอื่นทำให้ มาตลอด(เป็นไงล่ะ เจอของจริงแล้ว ต้องทำเองทุกอย่างแล้ว ต้องยกกระเป๋าเองด้วย )
กว่าจะได้ตั๋วที่มี่จุดหมายปลายทางอเมริกา ต้องสวดมนต์ภาวนา ทั้งบ่น ด่าทั้งไหว้ขอลัดคิวเพื่อที่จะได้ไม่ตกเครืองอีกฯลฯ กว่าจะได้ตั๋วก็ได้พร้อมกัน 2สายการบิน คราวนี้ แม่ลูกงงอีกค่ะ ทำไมได้สองวายการบินแต่เอาเถอะจะสายการบินไหนก็ไปเถอะจะได้ไปรีบไปจากประเทศนี้ให้เร็วที่สุด ทั้งวิ่งทั้งลากกระเป๋าเดินทางที่ล้อหลุดจนเท้าเจ็บเล็บมือหักเกือบจะหยุดหายใจที่สนามบินลอนดอนแล้วแต่กลัวลูกเป็นห่วง เลยต้องเข้มแข็งบอกลูกวิ่งไปให้ถึงเกทก่อนแบะยอกเจ้าหน้าที่เค้าให้รอคุณแม่ด้วยไปบอกเค้าว่าแม่สั่งให้รอ ..!!! กำลังวิ่งตามมา (อันนี้ฮามากค่ะ เพราะนางใส่บู้ทสูงและขาก็สั้นวิ่งไม่ทันลูก แต่ไม่อยากให้ลูกห่วง ก็สั่งให้ลูกไปบอกให้เครื่องรอ แม่กำลังวิ่งมา ลูกก็ห่วงหน้าพะวงแม่ สุดท้ายเราก็มาทันพอดี ทันทีที่ถึงเกท ลูกก็ปล่อยโหหน้าเกทนั้นเลยไม่สนใจใครจะมองเพราะทุกคนเจอสถานการณ์เดียวกันและอยากร้องไห้เหมือนกัน
สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆๆแล้วก็กอดปลอบใจลูกสาวขณะที่นั่งร้องไห้โหกลางสนามบิน ฮีทโธรว์(Heathrow)เพราะลูกยังไม่เคยเจอเรื่องอย่างนี้มาก่อน และสอนลูกว่า “เราทำได้แล้วไม่ต้องร้องไห้ ให้คิดว่า เราอยู่ในช่วงสงครามนะคะลูก มันอาจจะลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายแต่เราต้องผ่านมันไปให้ได้เป็นสิ่งเดียวที่เราต้องทำในเวลานี้ …
จากนั้นก็พากันเดินเช็ดน้ำตาเข้าทางช่องพิเศษและเช็ดน้ำตาป้อยๆไปพลางเดินพลางอย่างไม่อายใคร (เนื่องจากเรามีบัตรแพลทินัมและโกลด์คลาสบิน ไม่ว่าจะบินชั้นธุรกิจหรือธรรมดา ก็จะใช้ช่องpriority เสมอ)
เมื่อถึงสนามบิน JFKสหรัฐอเมริกาที่คุณสามีมาถึงก่อนในเครื่องลำที่เราควรจะได้มาพร้อมกันนั้น ก็ได้นั่งรอลูกเมียเกือบ3ชม )ลูกสาวเห็นพ่อยืนชะเง้อรอ ก็ทิ้งกระเป๋าวิ่งเข้าไปกอดพ่อร้องไห้สะอึกสะอื้น สามีก็โผเจ้ากอดลูกเมียทั้งขอโทษที่สุดวิสัยจะข่วยได้มากเท่านี้ (แต่สามีก็ช่วยตลอดเวลาโทรหาเจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบตลอดจนโทรหาเพื่อนที่ทำงานในสนามบินให้มาช่วยเหลือ ลูก กับภริยาด้วย จึงได้ตั๋วทีเดียวพร้อมกันสองสายการบิน สามีส่งเพื่อนมาช่วยและแม่ลูกทั้งสองพยายามช่วยตัวเอง เลยได้มาพร้อมกัน (เพราะพ่อนั่งชั้นธุรกิจในเวลานั้นสามรถใช้อินเตอรเนตบนเครื่องได้ จึงติดต่อเจ้าหน้าที่ และเพื่อนให้มาช่วยลูกเมียตนอย่างสุดกำลัง)
เมื่อพบหน้าลูก-ภริยา ที่สนามบินหลังจากผ่านสถานการณ์ตื่นเต้นวุ่นวายมาได้ จึงกอดปลอบใจลูกว่า “เก่งมาก หนูทำดีมาก เก่งจริงสมเป็นลูกพ่อที่พาแม่มาถึงอเมริกาได้ในภาวะเหตุการณ์คับขันเช่นนี้ สมแล้วที่ได้เกียรตินิยมอีนดับ1 และต่อไปในวันข้างหน้าไม่ว่าหนูจะเจออะไร หนูก็จะผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายเพราะหนูได้ผ่านเรื่องเลววร้ายเหล่านี้มาได้แล้ว เหมือนเป็นบททดสอบชีวิต เรื่องอื่นๆก็เป็นเรื่องเล็กๆแล้ว หนูจะมีสติ จะใช้สมองและประสบการณ์แก้ปัญหาทุกอย่างได้ หนูเก่งมาก พ่อภูมิใจและขอบใจลูกมาก
วันที่มันร้ายของเราได้ผ่านไปแล้ว ฉันนึกถึงคำทำนายของหมอดูที่ตอบคำถามเราก่อนจะเดินทางมาว่า “จะมีอุปสรรค ใหญ่มาก จะไม่สำเร็จ “ ขึ้นมาทันที เมื่อลูกสาวพูดปนสะอื้นว่า “หนูจะทำไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ลูกของพ่อวิลเล็มและแม่น้อง หนูจะไม่สามารถผ่านวันนี้มาได้ถ้าไม่ได้เป็นลูกสาวของพ่อและแม่ค่ะ
นี่หมายความว่า เราทั้งสามคนฝ่าดวงกันมาใช่ไหมเพราะความจริงแล้ว เราอาจมาไม่ได้ แต่เราได้มาแล้ว และมาได้อย่างปลอดภัยเพียงแต่กว่าจะมาถึง มันช่างเผชิญอุปสรรคสาหัสสากรรจริงๆ คิดบวกหรือเราอาจจะโชคดีกว่าอีกหลายๆคนที่ไม่ได้มา ที่อยากมาแต่มาไม่ได้ แล้วภาพเพื่อนรักของลูกสาวที่ประเทศสเปน เพิ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลังจากจองตั๋วเดินทางมารับปริญญาครั้งนี้ได้ไม่กี่วัน วันนั้นทันทีที่ลูกวางสายจากเพื่อนอีกคนลูกก็วิ่งมากอดแม่ร้องไห้ตัวสั่นเทา จนแม่ตกใจ ขอให้ช่วยพาไปทำบุญให้เพื่อนด้วย เพื่อนหนูไปรับปริญาด้วยไม่ได้แล้วค่ะ หม่าม๊า”
ภาพตัดไปคุณแม่พาลูกไปทำบุญให้เพื่อน ลูกกรวดน้ำตา ปนน้ำจากขวดที่กรวดลงดิน ตามด้วยภาพคนเจ็บที่นอนป่วยหนักหน้าห้องน้ำบนเครื่องตอนขามาเที่ยวบินแรก… เสียงอึกทึกอึงอื้ออลวน เสียงเด็กร้องไห้วุ่นวายไปหมด
ภาพซ้อนขึ้นมาเป็นเสียงกัปตันอีกสายการบินต่อมาประกาศหาคนเป็นหมอเพื่อมาดูแลคนป่วยฉุกเฉินบนเครื่องให้ตกอกตกใจต้องนั่งสวดมนต์ภาวนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเพราะช่วยอะไรไม่ได้ และตามด้วยภาพผู้โดยสารที่สนามบิน ลากกระเป๋าจูงลูกเด็กเล็กแดงที่ร้องไห้ระจองอแง ทุกคนวิ่งหน้าตั้งเหมือนหนีสงคราม หรือมีไฟไหม้เลยทีเดียว เพื่อจะหาเกทและวิ่งไปขึ้นเครื่องให้ทัน