ศึกบอลติกเปิดฉาก!!รัสเซียฟาดอียูหนุนลิทัวเนีย ปิดทางรถไฟคาลินินกราดผิดกม. ลั่นตอบโต้สาหัสอย่าโวย

0

ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกปะทุรุนแรงขึ้น ในอีกด้านหนึ่งและมีทีท่าอาจจะบานปลายขยายตัวเป็นจุดวาบไฟใหม่ โดยรัสเซียเรียกเอกอัครราชทูตอียูไปพบ เพื่อประท้วงเรื่องที่ลิทัวเนียปิดทางรถไฟอย่างผิดกฎหมายต่อแคว้นคาลินินกราด ซึ่งเป็นที่มั่นริมทะเลบอลติกของรัสเซีย ที่แยกขาดจากดินแดนส่วนใหญ่ของแดนหมีขาว ขณะที่สถานการณ์การสู้รบในยูเครน กองกำลังฝ่ายรัสเซียเพิ่มความกดดันและรุกคืบอย่างหนัก โดยที่เคียฟยอมรับว่าต่อสู้ด้วยความยากลำบาก เร่งระดมทหารเพิ่มฉุกละหุก ฝ่ายสหรัฐและตะวันตกยังคงมีท่าทีหนุนยูเครนให้รบต่อเพื่อทอนกำลังรัสเซียให้มากที่สุด

ประเทศที่ในกลุ่มบอลติกที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลและได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐนับตั้งแต่ สหภาพโซเวียตแตก คือเอสโตเนีย ลัทเวีย และลิทัวเนียและงานนี้ลิทัวเนียเปิดหน้าชนรัสเซียก่อน แน่นอนย่อมได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐและน่าโต้ เพื่อยั่วยุรัสเซียทุกรูปแบบ การเปิดศึกในทะเลบอลติกก็หวังพร่ากำลังรบของรัสเซีย หลังจากสมรภูมิในยูเครนเริ่มถอยร่น

ลิทัวเนีย ซี่งเป็นสมาชิกนาโต้ สั่งปิดเส้นทางขนส่งสินค้าสู่แคว้นคาลินินกราด (Kaliningrad) ซึ่งเป็นดินแดนส่วนแยกของรัสเซีย ที่ต้องผ่านประเทศลิทัวเนีย

ทำให้รัสเซียเชิญผู้แทน EU ประจำกรุงมอสโกว์ เข้าพบเพื่อคัดค้าน “อย่างถึงที่สุด” พร้อมคำรามลั่นว่า มอสโกว์จะ “ตอบโต้” ต่อประเทศภูมิภาคบอลติกนี้ด้วย

วันที่ ๒๑ มิ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศมอสโกว์เชิญ เอกอัครราชทูตอียูประจำมอสโกว์ มาร์คุส เอเดเรอร์ (Markus Ederer) โดยแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ “การกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้” และเตือนว่า “จะมีการตอบโต้ตามมา” หากไม่มีการยกเลิกข้อจำกัดทั้งหลายไปในทันที โดยไม่ได้มีการให้รายละเอียดใด ๆเพิ่มเติม

แคว้นคาลินินกราดซึ่งประกอบด้วยท่าเรือริมทะเลบอลติก และพื้นที่ชนบทรายรอบ เป็นที่พำนักของชาวรัสเซียเกือบ ๑ ล้านคน และเชื่อมต่อกับดินแดนส่วนอื่นของแดนหมีขาวโดยอาศัยทางรถไฟซึ่งตัดผ่านลิทัวเนีย

เจ้าหน้าที่ลิทัวเนียอ้างคำสั่งจำกัดที่ว่านั้นมีผลมาตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๑ มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อยกระดับมาตรการลงโทษรัสเซียต่อการเดินหน้าปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ ๔ เดือน

รัฐบาลรัสเซียได้ส่ง นิโคไล ปาทรูเชฟ ประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย (Nikolay Patrushev, the head of Russia’s Security Council)ผู้ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไปยังคาลินินกราด แล้ว

พาทรูเชฟ เตือนว่า รัสเซีย จะตอบโต้การกระทำที่เป็นปรปักษ์และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในอนาคตอันใกล้นี้” และระบุว่า “ผลลัพธ์ที่จะออกมานั้นจะมีผลกระทบด้านลบอย่างร้ายแรงต่อประชาชนของลิทัวเนียเองด้วย”

ด้านสหรัฐได้ระบุพันธะสัญญาของนาโต้ต่อลิทัวเนียทันที หลังรัสเซียขู่ลิทัวเนีย ส่วนโจเซป บอร์เรลล์ นักการทูตระดับสูงของสหภาพยุโรป (Josep Borrell, the EU’s top diplomat)ปกป้องวิลนีอุสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเช่นกัน  โดยกล่าวว่าพวกเขาปฏิบัติตามกลไกการคว่ำบาตรของนาโต้ “ลิทัวเนียไม่มีความผิด ไม่ได้ดำเนินการคว่ำบาตรระดับชาติ”

 

มาดูเหตุผลเบื้องหลังการเปิดจุดวาบไฟใหม่ของสหรัฐและนาโต้ต่อรัสเซียว่าทำไมจึงเลือก “เคลินินกราด”

เพราะภูมิภาคคาลินินกราดเป็นดินแดนของรัสเซีย คั่นกลางระหว่างโปแลนด์และลิทัวเนียตามแนวชายฝั่งทะเลบอลติก ตำแหน่งที่อยู่ใจกลางยุโรปทำให้สามารถส่งสินค้ารัสเซียไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากเป็นอาณาเขตที่เป็นของรัสเซียแต่มีการแยกทางภูมิศาสตร์ออกจากส่วนที่เหลือของประเทศ จึงควรได้รับอนุญาตให้เข้าและออกจากรัสเซีย “แผ่นดินใหญ่” ได้อย่างเต็มที่ ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น นักวิเคราะห์บางคนมองว่า การเคลื่อนไหวของลิทัวเนียเพื่อสกัดกั้นไม่ให้รัสเซียเข้าถึงอาณาเขตของตน อาจถือได้ว่าเป็นเคซุส เบลลี ‘casus belli’ ซึ่งเป็นภาษาละติน มีความหมายว่า เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสงคราม ได้ในระดับหนึ่ง 

เฉพาะสินค้าที่บรัสเซลส์กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเท่านั้นที่ถูกปฏิเสธไม่ให้ผ่าน ได้แก่น้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ถ่านหิน โลหะ วัสดุก่อสร้าง เทคโนโลยีขั้นสูง เครื่องแก้ว อาหารและปุ๋ยบางชนิด รวมทั้งแอลกอฮอล์ ตามที่ผู้ว่าราชการของภูมิภาคคาลินินกราด แอนตัน อะลีคานอฟ (Anton Alikhanov) คำสั่งห้ามหมายความว่า ๕๐% ของสินค้าทั้งหมดที่กำหนดไว้สำหรับ Kaliningrad ถูกปิดกั้น

ขณะที่รถไฟโดยสารจากแผ่นดินใหญ่ของรัสเซียไปยังคาลินินกราดผ่านลิทัวเนียถูกระงับ สายการบินหลักของรัสเซีย ๔ แห่งยังคงให้บริการเที่ยวบินมอสโกว์-คาลินินกราด นอกจากนี้ยังมีเรือข้ามฟากทางทะเล ในขณะที่รายงานระบุว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ของรัสเซียกำลังทำงานเกี่ยวกับการเปิดตัวเส้นทางเดินเรือโดยสารผ่านทะเลบอลติกด้วย

การกระทำครั้งนี้ของลิทัวเนียจึงเป็นการท้าทาย ประหนึ่งประกาศสงครามกับรัสเซียอย่างไม่เป็นทางการ ในขณะที่ปธน.ไบเดนมีกำหนดเดินทางประชุมนาโต้ในปลายเดือนนี้ที่บรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม??