ดุเดือด!! รัสเซียบุกแหลกจ่อยึดคาร์คีฟ ต.ต.กดดันเซเลนสกี้อ่อนข้อปูติน หลังคลั่งจะถล่มสะพานเชื่อมไครเมีย

0

การสู้รบในพื้นที่ทาง ตอ.ของยูเครนตึงเครียดหนัก กองทัพรัสเซียรุกคืบตามแผนยุทธการเฟสสองเริ่มเฟสสามแล้วอย่างไม่พูดพล่าม ระยะนี้มีการนำเครื่องบินขับไล่รุ่นล่าสุดเจเนอเรชันที่ ๕ ในยูเครนแล้ว ขณะที่ฝั่งตะวันตก สามประเทศหลักเยอรมนี ฝรั่งเศสและอิตาลีไปเยือนเคียฟออกข่าวโอ่อ่าว่าจะหนุนยูเครนสู้รัสเซียต่อไป จนวันนี้ยังกลับถิ่นแล้วยังไม่มีข้อสรุปว่าจะส่งเงินและอาวุธเท่าไหร่ปล่อยเซเลนสกี้รอเก้ออยู่ มีแต่ลูกพี่ใหญ่เมกาประกาศอีกจะส่งเงินก้อนโตมาให้ แต่กลับเปลี่ยนใจไม่ส่งโดรนสังหารติดมิสไซล์มาให้แล้วอ้างกลัวรัสเซียล้วงตับ

 

วันที่ ๒๐ มิ.ย.๒๕๖๕ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและเอเชียไทมส์รายงาน กรณีกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลง ว่ารัสเซียประสบความสำเร็จในการใช้ปฏิบัติการทางทหารในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ (Sievierodonetsk) ทาง ตอ.ของยูเครน โดยสามารถยึดพื้นที่ในเขตเมตยอลคีน (Metyolkine) ซึ่งเป็นพื้นที่ชานเมือง พร้อมกับยืนยันว่ารัสเซียจะเดินหน้าโจมตีเป้าหมายทางทหารในยูเครนต่อไป 

ขณะที่ทางการยูเครนแถลงในวันเดียวกันว่า สถานการณ์ในเมืองคาร์คีฟ (Kharkiv) ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของยูเครน ยังคงตึงเครียด เนื่องจากกองกำลังของรัสเซียพยายามรุกเข้าประชิดเมืองอีกครั้ง เพื่อใช้เมืองคาร์คีฟเป็นพื้นที่แนวหน้าในการสู้รบกับยูเครน

กองกำลังยูเครนในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ (Severodonetsk) ถูกตัดขาดต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโรงงานปุ๋ยเคมีอาซอต (Azot fertilizer pla  nt) ขณะที่สะพานข้ามแม่น้ำโดเนตส์ (Donets River) ทั้ง ๓ สะพานถูกทำลายเสียหายยับเยินแล้วตัดขาดการขนส่งลำเลียงจากภายนอก

เวลาเดียวกัน กองกำลังรัสเซียส่วนที่รุกออกมาจากเมืองอีซุม (Izyum) และเมืองลีมาน (Lyman) ยังคงบดบี้กองกำลังยูเครนในทิศทางตะวันออกเฉียงใต้มุ่งสู่เมืองสโลเวียนสก์ (Sloviansk) และเมืองซีเวอร์สก์ (Siversk) ขณะที่กองกำลังรัสเซียส่วนซึ่งออกมาจากเมืองโปปาสนา (Popasna) ก็กำลังดันขึ้นเหนือเพื่อไปโอบล้อมเชื่อมต่อกัน

ปธน.โจ ไบเดนของสหรัฐฯบอกกับพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา ให้เพลาๆ ถ้อยคำโวหารเรื่องชัยชนะเหนือรัสเซียลงมา จากรายงานของ เอ็นบีซีนิวส์ก็ทำให้รู้ว่า อเมริกากำลังหาทางลงหรือไม่? เพราะตอนนี้กำลังบ่ายหน้าไปตั้งป้อมใส่จีน

พลตรีดมิตริ มาร์เชนโค (Major General Dmitry Marchenko) ของยูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุในเครือของ วิทยุยุโรปเสรี (Radio Free Europe)ซึ่งโปรอเมริกาว่า ยูเครนจะพุ่งเป้าหมายโจมตีสะพานยาวที่สุดของยุโรปซึ่งเชื่อมแผ่นดินใหญ่ของรัสเซียกับแหลมไครเมียโดยทอดข้ามช่องแคบเคอร์ช (Kerch Strait) เมื่อยูเครนสามารถหาอาวุธที่ทำเช่นนั้นได้มาไว้ในครอบครอง รอคำสั่งของเซเลนสกี้เท่าน้้น โดยจะใช้อาวุธที่ส่งมาจากสหรัฐ

สำหรับภูมิภาคคาร์คิฟ (Kharkiv) และภูมิภาคอื่นๆ ทางภาคใต้ ในช่วงนี้แทบไม่มีหรือกระทั่งไม่มีรายงานว่ามีกิจกรรมใดๆจากรัสเซีย เป็นที่น่าสังเกตุเวลารบรัสเซียจะไม่เอ่ยปาก ให้สัมภาษณ์เมื่อเสร็จภาระกิจเสมอ และผลก็คือชนะตลอดมาร่วม ๓ กว่าแล้ว

ส่วนพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกกองกำลังรัสเซียได้โอบล้อมกองกำลังยูเครนกองสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ตลอดจนพลเรือนจำนวนหนึ่ง เอาไว้ในโรงงานปุ๋ยเคมีอาซอต ในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ข้อเสนอของฝ่ายรัสเซียเมื่อวันที่ ๑๕ มิ.ย.ที่ผ่านมาให้คนเหล่านี้ยอมจำนน ได้รับการปฏิเสธแบบเดียวกับที่เคยขึ้นในเมืองมาริอูโปล

กำลังเสริมของฝ่ายรัสเซียกำลังหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่ภาคพื้นดินในจุดที่กำหนดเอาไว้ทั้งทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือและทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองศูนย์กลางการขนส่งคมนาคมอย่าง สโลเวียนสก์

การโจมตีของรัสเซียในเมืองเล็กๆ ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองโปปาสนา และในทิศทางตะวันตกมุ่งสู่เมืองบัคมุต ยังคงดำเนนต่อไป ถนนสายหลักระหว่าง มัคมุต กับ ลีซีชานสก์ในด้านตะวันออก กำลังถูกจรวดและปืนใหญ่ฝ่ายรัสเซียถล่มใส่อย่างสม่ำเสมอ และเวลานี้ส่วนใหญ่เป็นอัมพาตแล้ว

ถึงเวลานี้ ยูเครนกำลังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และตามการคาดการณ์อย่างน้อยที่สุดก็จากบางฝ่ายระบุว่า กำลังเกือบจะถึงจุดแตกหักด้วยซ้ำไป อาวุธหนักต่างๆ จำนวนเพิ่มมากขึ้นจากฝ่ายตะวันตกสามารถที่จะยืดเวลาออกไป แต่จะไม่สามารถพลิกกลับผลลัพธ์ที่น่าจะต้องเกิดขึ้นมาได้หรอก เพราะจะถูกรัสเซียดักโจมตีทำลายราบก่อนถึงมือเคียฟ

รัสเซียพอใจที่จะดำเนินสงครามพร่ากำลัง (attrition warfare) อย่างช้าๆ ก่อนหน้าสงครามคราวนี้ จีดีพีของรัสเซียอยู่ในระดับสิบเท่าตัวของยูเครน อยู่แล้ว รัสเซียเวลานี้ยึดครองยูแครนเอาไว้แล้ว ๒๕% แต่สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือมันเป็น ๒๕% ซึ่งสร้างผลผลิตทางอุตสาหกรรมเกือบๆ ๗๕% ของยูเครน นี่เป็นคณิตศาสตร์อย่างง่ายๆ ที่ทำให้ทราบว่าใครเป็นผู้ชนะในสงครามพร่ากำลังครั้งนี่

ดมิตริ เมดเดเวฟ (Dmitry Medvedev) รองประธานของสภาความมั่นคงรัสเซีย (Russian Security Council) แสดงความคิดเห็นอย่างประชดประชันทางทวิตเตอร์ เกี่ยวกับการที่ ชอลซ์, มาครง, และ ดรากี ผุ้นำเยอรมนี-ฝรั่งเศสและอิตาลีไปเยือนกรุงเคียฟ เอาไว้ว่า “พวกเขาจะไปให้สัญญาแก่ยูเครนในเรื่องการเป็นสมาชิกอียู รวมทั้งการจัดส่งปืนใหญ่เฮาวิตเซอร์เก่าๆ ไปให้, สาดเหล้า ฮอริลก้า (horilka) ซึ่งเหล้าวอดก้ายูเครนลงท้อง, แล้วก็เดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟ, เหมือนกับเมื่อ ๑๐๐ ปีก่อนทุกๆ อย่างดีไปหมด

ในกลุ่มสามเกลอหัวแข็งนี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีดูจะเงียบที่สุด โอลาฟ ชอลซ์(Scholz) ส่ง ‘ข้อความที่ซ่อนอยู่’ ไปกับเซเลนสกี้  โดยส่งซิกให้เขารู้ว่าเบอร์ลินจะไม่ให้ทางลัดแก่เคียฟในการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแต่อย่างใด

เอาเป็นว่าจะเข้านาโต้ก็เจอหลายประเทศค้าน จะเข้าอียูก็ดูเหมือนว่าเยอรมนีจะไม่ต้อนรับแม้จะไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ

ชอลซ์ยืนกรานไม่เห็นด้วยกับความเห็นของประธานคณะกรรมาธิการยุโรปและอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเยอรมัน เออร์ซูลา วอนเดอร์ เลเยน (Ursula von der Leyen) ซึ่งทวีตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าชาวยูเครน “พร้อมที่จะตายเพื่อมุมมองของยุโรป พวกเขาอยู่กับเราเพื่อความฝันแบบยุโรป”

ดังนั้นสหภาพยุโรปควรอนุมัติสถานะผู้สมัครของยูเครนในสหภาพยุโรปเป็นการตอบแทน  ทั้งนี้เออร์ซูล่ากล่าวว่า จะเกิดขึ้นโดยการตัดสินใจอย่างเป็นทางการในการประชุมสุดยอด ๒๓-๒๔ มิถุนายนที่จะเกิดขึ้นในกรุงบรัสเซลส์

เรื่องนี้ผู้สังเกตการณ์ต่างเตือนว่าการรวมยูเครนเข้าในกลุ่มอาจจุดชนวนให้สหภาพยุโรปล่มสลาย หรือทำให้ยูเครนกลายเป็นความขัดแย้งที่ยืดเยื้อไม่จบสิ้น  

ตรงกับความคิดเห็นของ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิ.ย.ที่ผ่านมาได้เสนอแนะว่าสหภาพยุโรปอาจล่มสลายไปพร้อมกันก่อนที่ยูเครนจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ  และคาดการณ์ว่าจะไม่สามารถเป็นสมาชิกภาพได้จนกว่าจะถึงกลางศตวรรษไม่ว่ากรณีใดๆ