จากที่ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจผ่านการโพสต์ลง Blockdit เกี่ยวกับสถานการณ์ของสหรัฐและยุโรป โดยเฉพาะอเมริกา ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดนั้น
ทั้งนี้ช่วงหนึ่งนักวิชาการมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ระบุว่า รัฐบาลอเมริกาหลายรัฐน่าจะแยกตัวเป็นอิสระ เช่น แคลิฟอร์เนีย เท็กซัส อลาสก้า เป็นต้น ตอนนี้ มีหลายรัฐแล้วที่อยากแยกตัวไปจากสหรับอเมริกา ศึกษาข้อมูลได้ที่ https://dailyvoice.com/new-york/whiteplains/politics/new-poll-reveals-percentages-of-americans-who-want-to-secede-by-region/812724/
ล่าสุดวันนี้ 20 มิถุนายน 2565 เพจ Thailand Vision ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่พร้อมแบนเนอร์ถึงความคืบหน้าในการย้ายประเทศของชาวอเมริกันโดยระบุแหล่งที่มาของข่าวไว้อย่างน่าสนใจบางส่วนที่สำคัญว่า
“วันที่ 11 มิ.ย. 65 สำนักข่าว CNBC ของสหรัฐฯ รายงานว่า ชาวแคลิฟอร์เนียหลายแสนคน ย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศสหรัฐฯ ไปยังประเทศเม็กซิโก เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงเกินกว่าจะรับไหว ในขณะที่เม็กซิโกมีค่าครองชีพที่ถูกกว่า และมีลักษณะการใช้ชีวิตที่สุขสบายไม่เคร่งเครียด
แคลิฟอร์เนีย ถือเป็นรัฐที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ รองจากรัฐฮาวาย ซึ่งราคาบ้าน 1 หลังในแคลิฟอร์เนีย มีราคาเฉลี่ยหลังละ 797,470 ดอลลาร์ หรือประมาณ 28 ล้านบาท
โดยสำนักข่าว CNBC ระบุว่า มีชาวแคลิฟอร์เนียเพียง 25% เท่านั้น ที่มีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านในแคลิฟอร์เนีย โดยพบว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 มีประชากรเดินทางออกจากรัฐแคลิฟอร์เนียไม่ต่ำกว่า 3.6 แสนคน ย้ายไปอาศัยอยู่ในรัฐวอชิงตัน รัฐอาริโซนา รัฐเท็กซัส และประเทศเม็กซิโก โดยในปี 2563 พบว่ามีประชากรชาวอเมริกัน 8 แสนคน อาศัยอยู่ในประเทศเม็กซิโก
จากกระแสการย้ายถิ่นฐานออกจากสหรัฐฯ ไปเม็กซิโก ที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ สำนักข่าว CNBC ยังได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่ของชาวอเมริกัน พบว่า 62% อยากย้ายไปประเทศอื่น โดยผู้ตอบแบบสอบถามผลสำรวจ ไม่ค่อยมีความกังวลเรื่องการสูญเสียโอกาสการงานหน้าที่ในสหรัฐฯ เพราะสามารถทำงานอยู่ที่บ้านหรือ Work From Home จากต่างประเทศ
นายทราวิส กรอสซี (Travis Grossi) และนายเดวิด ซิมมอนส์ จูเนียร์ (David Simmons Jr.) ชาวแคลิฟอร์เนีย 2 คนที่เคยอาศัยอยู่ในฮอลลีวูด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยทั้ง 2 เปิดเผยว่า พวกเขาย้ายมาประเทศเม็กซิโก เพราะค่าครองชีพทุกอย่างในเม็กซิโก ถูกกว่ามากถึงครึ่งหนึ่งของค่าครองชีพในแคลิฟอร์เนีย
แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าจ้างแรงงานในแคลิฟอร์เนียจะมีตัวเลขที่สูงกว่ามาก แต่ระบบสาธารณสุขก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน แต่ช่วงที่นายเดวิด ซิมมอนส์ จูเนียร์ ยังอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย นายเดวิด ไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าฉีดยารักษาโรคภูมิแพ้ แต่เมื่อย้ายมาอยู่เม็กซิโก การรักษาพยายาบาลในเม็กซิโก นอกจากจะถูกกว่าและเข้าถึงได้ง่ายกว่าแล้ว นายเดวิดยังได้รับการดูแลเรื่องโรคผิวหนังควบคู่ไปกับการรักษาโรคภูมิแพ้ ซึ่งถือว่าถูกกว่าและคุ้มค่ากว่ามาก
ประเทศเม็กซิโกอาจมีปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ แต่นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บริษัท Baja123 นายดาร์เรลล์ กราแฮม (Darrell Graham) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้
โดยระบุว่า โรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งตัวเลขการเก็บภาษีในสหรัฐฯ ตัวเลขอาชญกรรมในสหรัฐฯ และปัญหาการเมืองทั้งหลายในสหรัฐฯ คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชาวแคลิฟอร์เนียหลายแสนคน ไม่พอใจกับความเป็นอยู่ จนต้องย้ายไปเม็กซิโก เพื่อใช้ชีวิตอย่างนักท่องเที่ยวที่สุขสบายกว่าและมีราคาถูกกว่า
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ประชากรหลายแสนคนย้ายออกจากแคลิฟอร์เนีย ทางด้านผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย นายเกวิน นิวซัม (Gavin Newsom) ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเดือนกันยายน 2564 ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ลงนามอนุมัติโครงการลงทุนก่อสร้างบ้านราคาถูกมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.75 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาคนไร้บ้านที่เพิ่มขึ้น และเพื่อแก้ปัญหาประชากรหลายแสนคนย้ายออกอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียยังต้องเผชิญกับปัญหา ที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งและบรรดาอภิมหาเศรษฐีหลายคน กำลังย้ายถิ่นฐานออกจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งหากเกิดปัญหาเช่นนี้ต่อไป รัฐแคลิฟอร์เนียจะสูญเสียการเก็บภาษีเงินได้ (income tax revenue) มูลค่ามหาศาล อันเป็นหนึ่งในรายได้หลักในการบริหารรัฐแคลิฟอร์เนีย”