จากกรณีที่นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ออกมาเตือนถึงความเป็นไปได้สูงที่สงครามในยูเครนจะยืดเยื้อยาวนานหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู) ได้รับรองสถานะผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกอียูของยูเครน
โดยสโตลเทนเบิร์กกล่าวว่า การจัดหาอาวุธที่ล้ำสมัยให้กองทหารยูเครนจะเพิ่มโอกาสในการปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกให้หลุดพ้นจากการควบคุมของรัสเซีย “เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับความจริงที่ว่ามันอาจต้องใช้เวลาหลายปี เราต้องไม่ยอมแพ้ในการให้การสนับสนุนต่อยูเครน แม้ว่ามันจะมีค่าใช้จ่ายสูง ไม่เพียงแต่ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนทางทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงราคาพลังงานและอาหารที่สูงขึ้นด้วย”
คณะกรรมาธิการยุโรปได้แนะนำให้มีการรับรองสถานะผู้สมัครสมาชิกอียูของยูเครน โดยคาดว่าจะมีการให้การรับรองในการประชุมสุดยอดอียูในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้ความพยายามที่เคยถูกมองว่าเกินเอื้อมของยูเครนก่อนหน้าการรุกรานของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ แม้ว่าขั้นตอนต่าง ๆ อาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะบรรลุเป้าหมายก็ตามที
ที่ผ่านมานาโตให้การสนับสนุนช่วยยูเครน หลากหลายช่องทาง และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการส่งอาวุธ จึงทำให้ชาติอื่น ๆ มองว่า การที่นาโตออกมาตอบโต้เตือนเรื่องราคาพลังงานสูง จะขาดแคลนอาหาร ดูเป็นการย้อนแย้ง เนื่องจากนาโตยังทำให้สงครามของยูเครนและรัสเซีย เดินหน้าต่อ และอาจจะส่อแววยืดยื้อไปอีก
