จากที่ผู้นำจีน ปธน.ปูตินต่อสายพูดคุยกับปธน.สี จิ้นผิง ต่างยืนยันถึงความจำเป็นในการสนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัย ของทั้งสองประเทศและการปกป้องโลกผ่านองค์กรที่มีอยู่เดิมเป็นรากฐานนั้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์รายงานว่าถ้อยแถลงของปธน.สี จิ้นผิง แห่งจีนย้ำกับปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียว่า
“จีนยินดีที่จะให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันแก่รัสเซียในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักของเรา เช่น อำนาจอธิปไตยและความมั่นคง กระชับการประสานงานเชิงกลยุทธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ และเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงานในองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคที่สำคัญ ทั้งสหประชาชาติ กลุ่ม BRICS และองค์กรความร่วมมือพันธมิตรเซี่ยงไฮ้ Shanghai Cooperation Organization หรือ SCO”
นอกจากนี้ สีจิ้นผิง ยังกล่าวว่า “จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับรัสเซียเพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกันในผลประโยชน์หลักที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยและความมั่นคง ตลอดจนความกังวลหลักของพวกเขา กระชับการประสานงานเชิงกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงานในองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคที่สำคัญเป็นพื้นฐานเช่น สหประชาชาติ กลไก BRICS และองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO)”
ล่าสุดวันนี้ 18 มิถุนายน 2565 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความใน Blockdit ระบุว่า
“สดออนไลน์ครับ…ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและวลาดิเมียร์ ปูตินร่วมประชุมปรึกษาหารือกันทางเศรษฐกิจกับประชาคมนานาชาติที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย (St Petersberg Economic Forum)
โดยสีจิ้นผิงปราศรัย เข้ามาทางออนไลน์เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ภัยคุกคามจากการขยายอิทธิพลของนาโต้ทำให้จีนและรัสเซียกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และทางทหารมากยิ่งขึ้น ส่วนประโยคเด็ดของปูติน: ‘อเมริกาสามารถปล้นทรัพย์สินของใครก็ได้หากไม่ชอบขึ้นมา’
ต่อมาในวันเดียวกันนี้ ดร.ปฐมพงษ์ ยังได้โพสต์ข้อความถึงการแถลงของประธานาธิบดีปูตินอีกว่า “วลาดิเมียร์ ปูตินพูดที่ SPIEF 2022:
‘มีหลายคนโจมตีผมว่าทำให้เงินเฟ้อเกิดขึ้น ในความเป็นจริงก็คือขณะที่อเมริกามีหนี้สินมากมายอยู่ในขณะนี้แล้ว อเมริกาพิมพ์ธนบัตรที่ไม่มีทองคำหนุนออกมาเพิ่มเข้าไปเศรษกิจของตนอีก ๓๘% ในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา ส่วนในอียู มีเพิ่มเข้าไป ๒๐% หรือ ๒.๕ ล้านๆ ยูโร…ทำให้เงินเฟ้อขึ้น และเงินเฟ้อจึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเลย’
ผมสรุปความเอาให้เห็นภาพ ถ้าใครเคยอ่านประวัติของวลาดิเมียร์ ปูติน รวมทั้งบทวิจารณ์ผู้นำประเทศต่างๆ พูดถึงตัวเขา ปูตินเป็นมีสัจจะ ไม่โกหก
สรุปว่าเงินเฟ้อเพราะอเมริกาปั้มเงินเข้าไปในระบบเพิ่ม ๓๘% แต่กลไกรัฐบาลสกัดเอาไว้ เช่น เพิ่มดอกเบี้ย ตอนนี้ ถ้าสกัดไม่อยู่ อเมริกาก็จะเข้าสู่ปรากฎการณ์ hyperinflation ขึ้นกับว่าจะควบคุมไม่ได้เมื่อไหร่เท่านั้น”
