เปิดไทม์ไลน์ “ไบเดน” ขอพบเจ้าชายซาอุฯหลายครั้ง! สุดท้ายหน้าหงาย ลั่นแก้เขิน ไม่ได้ไปเพื่อเจอผู้นำ?

0

เปิดไทม์ไลน์ “ไบเดน” ขอพบเจ้าชายซาอุฯหลายครั้ง! สุดท้ายหน้าหงาย ลั่นแก้เขิน ไม่ได้ไปเพื่อเจอผู้นำ?

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2565 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐจะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในเดือนนี้ และจะเข้าพบกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน โดยจะละทิ้งคำมั่นที่เคยให้ไว้ว่าจะทำให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็น พวกนอกคอก สำหรับกรณีการฆาตกรรมนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวของวอชิงตันโพสต์

โดยแผนการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของปธน.ไบเดนซึ่งรายงานครั้งแรกโดยวอชิงตันโพสต์และนิวยอร์ก ไทม์สนั้น ได้บ่งชี้ให้เห็นว่า ปธน.ไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับความต้องการของเขาที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดลง และเพื่อเป็นการลงโทษรัสเซียที่บุกโจมตียูเครน มากกว่าจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชน โดยการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียจะถูกเพิ่มเข้าไปในการเดินทางที่วางแผนไว้แล้วไปยังอิสราเอล เยอรมนี และสเปน

ซึ่งต่อมาทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ยังไม่มีแผนการเดินทางใหม่ที่จะประกาศ แต่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีอุปสรรคในการพบปะกันระหว่างปธน.ไบเดนกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ

ในขณะที่เว็บไซต์เดอะการ์เดียน.คอมรายงานว่า การที่สหรัฐยุติการโดดเดี่ยวซาอุฯ นั้น ดูเหมือนมีความเป็นไปได้มากขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ทั้งนี้ เพื่อพยายามตัดรายได้ของรัสเซีย สหรัฐจึงพยายามที่จะเพิ่มปริมาณน้ำมันทั่วโลกเพื่อทำให้ราคาน้ำมันลดลง

ต่อมาอดัม ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรและแกนนำของพรรคเดโมแครต ได้เปิดเผยว่า ไบเดน ไม่ควรเดินทางไปซาอุดีอาระเบียและเข้าเฝ้าฯ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งตามข้อมูลข่าวกรองของอเมริกา ระบุว่าเป็นผู้อนุมัติปฏิบัติการจับกุมหรือสังหาร จามาล คาช็อกกี คอลัมนิสต์ชื่อดังของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์

คาช็อกกี พลเมืองสหรัฐฯ ซึ่งเขียนบทความให้หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ถูกสังหารโดยบรรดาผู้ลงมือที่มีความเชื่อมโยงกับเจ้าชาย ในสถานกงสุลของซาอุดีอาระเบียประจำอิสตุนบูล ประเทศตุรเคีย (ตุรกี)
โดยไบเดน ยอมรับเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เขาอาจเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเร็วๆนี้ และเมื่อ อดัม ชิฟฟ์ ถูกผู้สื่อข่าวถามว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯควรเดินทางไปยังประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่แห่งนี้และเข้าเฝ้าฯมกุฎราชกุมารหรือไม่ เขาตอบว่า “ในมุมมองของผม ไม่ควร”
“เป็นผม ผมจะไม่ไป ผมจะไม่จับมือกับเจ้าชาย นี่คือคนที่เชือดพลเมืองสหรัฐฯ ในแนวทางที่น่าสยดสยองที่สุดและไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี” ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กับรายการ “เฟซ ออฟ เนชัน” ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส
โดยซาอุดีอาระเบียปฏิเสธว่าเจ้าชายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในเหตุสังการ และปฏิเสธรายงานฉบับหนึ่งของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ที่ประเมินว่า “พระองค์อนุม้ติปฏิบัติการในอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย เพื่อจับกุมหรือฆ่าคาช็อกกี จนกว่าซาอุดีอาระเบียจะมีการเปลี่ยนแปลงสุดขั้วในแง่ของสิทธิมนุษยชน ผมจะไม่ต้องการอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขา” ชิฟฟ์กล่าวถึงมกุฏราชกุมาร
เขาปฏิเสธข้อโต้แย้งที่ว่า ไบเดน ควรเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย ในความพยายามโน้มน้าวให้พวกเขาเพิ่มกำลังผลิต เพื่อช่วยให้ราคาเบนซินสหรัฐฯลดต่ำลง ปัญหาใหญ่ของไบเดนและสมาชิกพรรคเดโมแครต ก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน ในช่วงต้นๆ ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของไบเดน ทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน จะติดต่อกับกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ เท่านั้น ในท่าทีปฏิเสธมกุฎราชกุมาร ซึ่งควบคุมเกือบทุกเสาหลักแห่งอำนาจในซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้น ไบเดน ดูอ่อนข้อยอมพบปะกับ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในขณะที่ราคาเบนซินในสหรัฐฯ ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายต่อหลายรอบระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียปฏิเสธเร่งยกระดับการส่งออกน้ำมัน แม้สหรัฐฯ โต้แย้งว่าอุปสงค์โลกสำหรับน้ำมันดิบฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดหมายไว้ หลังจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19
อย่างไรก็ตาม วันที่ 5 มิถุนายน ก็มีรายงานออกมาว่า ไบเดน จะเลื่อนพบ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ออกไปเป็นเดือนกรกฎาคม จากกำหนดการเดิมปลายมิถุนายนนี้
ล่าสุดวันนี้ (18 มิถุนายน 2565) นายเจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า #จบข่าว!! THE ANSWER IS..”NO”.. TO A “PRIVATE MEETING WITH “JOE BIDEN”!
ปธน.ไบเดน ผู้นำ #สหรัฐ เผยการเดินทางเยือนตะวันออกกลางระหว่างวันที่ 13-16 ก.ค.นี้ ซึ่งจะบินตรงไปยังอิสราเอล ปาเลสไตน์ และซาอุดีอาระเบีย จะไม่มีการประชุมทวิภาคีกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน #MBS มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าเขาไม่ได้เดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียอย่างชัดแจ้ง เพื่อพบกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในระหว่างการเดินทางในเดือนหน้า และกล่าวว่าเขากำลังเห็นมกุฎราชกุมารซาอุดิอาระเบียเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมระดับนานาชาติในวงกว้าง”

 

แผนการของไบเดนที่จะพบมกุฎราชกุมาร เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งแรกของเขาในภูมิภาคอ่าวอาหรับในฐานะประธานาธิบดี เขาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ร่างกฎหมายของสหรัฐฯ รวมถึงบางคนจากพรรคของเขาเองและผู้สนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งกล่าวว่าการเยือนครั้งนี้ไม่สอดคล้องกับคำสัญญาของเขาที่จะให้สิทธิมนุษยชนเป็นหัวใจของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ

“ฉันจะไม่ไปพบกับ MBS ฉันจะไปประชุมระดับนานาชาติ และเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน” ไบเดน กล่าวกับนักข่าวเมื่อวันศุกร์

โฆษกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติกล่าวว่า ประธานาธิบดีกำลังเดินทางไปยังซาอุดิอาระเบียตามคำเชิญของกษัตริย์ซัลมานพร้อมกับประมุขแห่งรัฐอีกแปดคนสำหรับการประชุมสุดยอด GCC+3

ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ไบเดนกล่าวว่า เขาต้องการทำให้ซาอุดีอาระเบียเป็น “คนนอกคอก” อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ของเขาเพื่อลดราคาน้ำมันที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ได้ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพิ่มการผลิตเพื่อชดเชยการสูญเสียของรัสเซียภายหลังการคว่ำบาตรของตะวันตกต่อมอสโกจากการรุกรานยูเครน

หลายสัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่ง ไบเดนได้เปลี่ยนนโยบายของสหรัฐฯ ต่อซาอุดีอาระเบีย โดยใช้จุดยืนที่เข้มงวดขึ้นเหนือบันทึกด้านสิทธิมนุษยชนของราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังหาร Khashoggi นักข่าวของ Washington Post ในตุรกีในปี 2018 หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับมกุฎราชกุมารในคดีฆาตกรรม รัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้ปฏิเสธการมีส่วนร่วมของเขา

 

ความปรารถนาของวอชิงตันที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับราชาธิปไตยในอ่าวได้กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนมากขึ้นหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียเนื่องจากยุโรปดูเหมือนจะลดการพึ่งพารัสเซียด้านพลังงาน ทั้งนี้ สหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐอ่าวไทยประณามมอสโกต่อสาธารณชน นักการทูตตะวันตกเคยบอกกับรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ รัฐกัลฟ์พยายามรักษาสิ่งที่พวกเขากล่าวว่าเป็นตำแหน่งที่เป็นกลาง